“พาณิชย์” ตั้งคณะทำงานภาครัฐและเอกชน ทำแผนดันเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเป็น “ศูนย์ค้าปลีก-ส่งที่ใหญ่ที่สุด” ระหว่างไทยกับพม่า เตรียมเดินหน้าแก้ไขปัญหาอุปสรรคทันที คาดเอกชนลงทุนไม่ต่ำกว่า 9 หมื่นล้านบาท และช่วยกระตุ้นการส่งออก-นำเข้าเป็น 3 แสนล้านในปี 64 เล็งนำโมเดลนี้ไปใช้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอื่นต่อไป
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะทำงานด้านการส่งเสริมการค้า ธุรกิจบริการและการลงทุนในต่างประเทศ (D4) ภายใต้คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ได้แต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาการค้าเมืองชายแดนแม่สอด โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดให้เป็นศูนย์ค้าปลีก-ส่งที่ใหญ่ที่สุดระหว่างไทยกับพม่า เพราะเห็นว่าจะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้การค้าของทั้งสองประเทศให้มีการขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ การลงทุนสร้างศูนย์ค้าปลีก-ส่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดจะช่วยผลักดันให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งธุรกิจค้าปลีก-ส่ง ธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ลอจิสติกส์ และ SMEs ที่ทำการค้าปลีก-ส่งอีกเป็นจำนวนมาก โดยประเมินว่าน่าจะมีมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 9 หมื่นล้านบาท และยังจะช่วยเพิ่มยอดการค้าระหว่างไทยกับพม่าให้เพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีการส่งออก-นำเข้าถึง 3 แสนล้านบาทภายในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 380% จากปี 2559 และช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดมีมูลค่า 1.74 แสนล้านบาท และผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว 1.7 แสนบาท
“กระทรวงฯ จะเร่งผลักดันแม่สอดโมเดลในด้านการพัฒนาศูนย์การค้าปลีก-ส่ง ไปใช้กับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยที่อยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านใน CLMV ทั้ง สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย โดยจุดอื่นที่คาดว่าจะผลักดันในระยะแรกนอกจากที่แม่สอด จ.ตาก แล้ว ก็มีที่มุกดาหาร สระแก้ว ตราด และสงขลา ส่วนระยะที่ 2 จะผลักดันที่เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาสต่อไป” นางอภิรดีกล่าว
สำหรับรายละเอียดแผนงานเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการเพื่อรองรับการพัฒนาศูนย์ค้าปลีก-ส่ง ได้แก่ การผ่านแดนทั้งขาเข้าและขาออก จะมีการพิจารณาลดค่าธรรมเนียมการผ่านแดน ขยายเวลา Border Pass และการทำ Visa on arrival , การคมนาคมและลอจิสติกส์ จะเร่งประสานการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศ การเพิ่มสายการบิน เช่น แม่สอด-ย่างกุ้ง การให้รถบรรทุกวิ่ง การประกันภัยรถบรรทุก การสร้างศูนย์กระจายสินค้า ICD และห้องเย็น, กฎระเบียบการค้าและภาษี จะส่งเสริมการลงทุนสร้างศูนย์การค้า ส่งเสริมกิจการค้าปลีก-ส่ง การจัดตั้ง Free Zone และ Duty Free การคืน VAT การตั้งศูนย์ One Stop Service และการเพิ่มเพดานมูลค่าสินค้ายกเว้นอากร เป็นต้น
ส่วนคณะทำงานโครงการพัฒนาการค้าเมืองชายแดนแม่สอด ภาครัฐ ได้แก่ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมธนารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สมาคมประกันวินาศภัย กรมท่าอากาศยาน (AOT) และภาคเอกชน ได้แก่ น.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล นายนิยม ไวยรัชพานิช สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นางจันทรา บูรณฤกษ์ สหพัฒน์อินเตอร์โฮลดิ้ง นายปรีดี ดาวฉาย ธนาคารกสิกรไทย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ไทยเบฟเวอเรจ และนายธนวรรธน์ พลวิชัย ม.หอการค้าไทย