ฮันนี่เวลล์ (NYSE: HON) เผยเทสโก้ โลตัส ผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำของไทยภายใต้เทสโก้ กรุ๊ป ได้เปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็น Solstice® N40 ของฮันนี่เวลล์ในร้านค้าเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส 900 สาขาเพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของบริษัทฯ โดยเทสโก้ โลตัส เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกรายแรกในทวีปเอเชียที่เปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็น Solstice® N40 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดว่าเป็นผลิตภัณฑ์สารทำความเย็นที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมซูเปอร์มาร์เกต
เทสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ระดับโลกของเทสโก้ โลตัสในประเทศไทย ทำการปรับปรุงระบบทำความเย็นในซูเปอร์มาร์เกตทั่วโลกเพื่อลดค่าการก่อภาวะโลกร้อน (GWP) ของสารทำความเย็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่จะลดปริมาณคาร์บอนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเทสโก้ โลตัส ได้เริ่มดำเนินการเปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็น Solstice® N40 (R-448A) ของฮันนี่เวลล์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรสทั้งหมด 1,500 สาขาทั่วประเทศ โดยจะดำเนินการเปลี่ยนภายในเวลา 2 ปีข้างหน้า สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้สูงสุด 10 เปอร์เซ็นต์ หรือเทียบเท่ากับการลดจำนวนรถยนต์กว่า 67,000 คันออกจากท้องถนน
นายมิโรสลาฟ ฟริมอล ประธานกรรมการบริหารฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ เทสโก้ โลตัส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า ปี 2560 นี้ได้วางงบประมาณไว้ราว 600 ล้านบาทลงทุนเรื่องพลังงานทดแทนเพื่อการเปิดสาขาและคลังสินค้า ประกอบด้วย โซลาร์รูฟท็อป, หลอดไฟแอลอีดี, น้ำยาทำความเย็น และระบบแสงสว่าง บริษัทเห็นว่านอกเหนือจากทำให้ประหยัดพลังงานแล้ว ยังสามารถลดต้นทุนธุรกิจควบคู่กันไปด้วย
สำหรับโซลาร์รูฟท็อปใช้ระยะเวลา 7 ปีในการรีเทิร์นพลังงาน ในอนาคตแนวโน้มของระดับราคาเริ่มปรับตัวลดลง จะทำให้การรีเทิร์นดีขึ้นตามไปด้วย จากปีที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปสามารถประหยัดพลังงานหรือการผลิตไฟฟ้าไปได้ราว 60 ล้านบาทต่อปี
ส่วนสารทำความเย็นใช้ระยะเวลา 3 ปี ล่าสุดได้เลือกสารทำความเย็นของฮันนี่เวลล์ Solstice N40 เข้ามาใช้ในสาขาของเทสโก้ โลตัส คาดการณ์ว่าจะทำให้ลดการใช้พลังงาน 10% เบื้องต้นเริ่มที่รูปแบบโลตัส เอ็กซ์เพรส 900 สาขา และจะทยอยปรับให้ครอบคลุมไปยังฟอร์แมตอื่นที่เปิดให้บริการอยู่กว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ
“แม้ว่าการลงทุนพลังงานทดแทนจะทำให้เม็ดเงินที่ใช้ขยายสาขาเพิ่ม แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะมีผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทมีเป้าหมายลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดภายในปี 2593 คาดว่าตอนนั้นก็คงทำให้ประสิทธิภาพเรื่องการประหยัดพลังงานดีกว่าที่ผ่านมา” นายมิโรสลาฟกล่าว
แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) ของรัฐบาลไทยกำหนดเป้าหมายระยะยาว (พ.ศ. 2558-2573) ในการอนุรักษ์พลังงานทั้งในระดับประเทศและการบริโภคพลังงานของแต่ละภาคส่วนไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ทั้งอุตสาหกรรมการขนส่ง การพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย ซูเปอร์มาร์เกตเป็นอาคารพาณิชย์ที่มีความเข้มข้นของการใช้พลังงานสูงสุด เนื่องจากระบบทำความเย็นมีขนาดใหญ่ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงครึ่งหนึ่งของการใช้พลังงานทั้งหมด
“เทสโก้ โลตัส มุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรค้าปลีกสีเขียวและบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนที่บริษัทได้ตั้งเอาไว้ ผ่านโครงการประหยัดพลังงานหลายโครงการภายในการปฏิบัติงานของเรา เราภูมิใจที่ได้เป็นบริษัทค้าปลีกรายแรกในเอเชียที่เปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เริ่มจากร้านค้าเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส 900 สาขา จาก 1,500 สาขา ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า Solstice® N40 ของฮันนี่เวลล์มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์สำคัญทุกข้อของเราในด้านการประหยัดพลังงานและประสิทธิภาพ พร้อมกับยังให้ความสะดวกง่ายดายในการปรับเปลี่ยนแทนที่สารทำความเย็นเดิม จึงไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้าของเราที่มีจำนวนกว่า 15 ล้านคนในแต่ละสัปดาห์” มร.มิโรสลาฟ ฟริมอล ประธานกรรมการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ของเทสโก้ โลตัส กล่าว
สารทำความเย็น R-404A ที่เทสโก้ โลตัสใช้ในปัจจุบัน เป็นสารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนที่มีค่า GWP 3,943 ในขณะที่สารทำความเย็น Solstice® N40 (R-448A) มีค่า GWP อยู่ที่ 1,273 ซึ่งถือเป็นสารทำความเย็นไม่ติดไฟที่มีค่า GWP ต่ำสุดที่มีวางจำหน่ายทั่วโลกในปัจจุบัน ในปี 2016 การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากสารทำความเย็นคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาโดยตรงของร้านค้า เทสโก้ทั่วโลก
“เทสโก้ โลตัส ถือเป็นผู้นำในการบุกเบิกแนวทางไปสู่ผู้ประกอบการค้าปลีกเจเนอเรชันใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับเปลี่ยนมาใช้โซลูชันสารทำความเย็นที่มีค่าการก่อภาวะโลกร้อนต่ำเป็นรายแรกในเอเชีย” แอนนา อัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัทฮันนี่เวลล์ แอดวานซ์ แมธิเรียลส์ ประจำภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย แปซิฟิก ที่ใช้ Solstice® N40 ในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของการติดตั้งสารทำความเย็นในระดับโลกของฮันนี่เวลล์ นับเป็นสัญญาณที่น่ายินดีที่มีบริษัทซูเปอร์มาร์เกตในเอเชียจำนวนมากขึ้นเดินหน้าปรับเปลี่ยนร้านค้าครั้งใหญ่เพื่อใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าด้วยความสมัครใจ”
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Solstice ทั่วโลกช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลงได้มากกว่า 47 ล้านตันจนถึงปัจจุบัน หรือเทียบเท่าการขจัดปริมาณการปล่อยมลพิษไอเสียจากรถยนต์ 10 ล้านคัน ฮันนี่เวลล์คาดการณ์ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ Solstice ที่มีจำนวนมากขึ้นทั่วโลกจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 475 ล้านตันภายในปี พ.ศ. 2568 หรือเทียบเท่าการลดปริมาณรถยนต์ 100 ล้านคันออกจากท้องถนนภายในหนึ่งปี
ฮันนี่เวลล์เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนา ผลิต และจัดหาสารทำความเย็นที่มีจำหน่ายทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ Genetron® และ Solstice® ซึ่งมีขอบข่ายการใช้งานที่กว้างขวาง ครอบคลุมทั้งระบบแช่เย็น ระบบปรับอากาศภายในอาคารและยานยนต์ ฮันนี่เวลล์และซัปพลายเออร์ประสบความสำเร็จจากโครงการลงทุนมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงพัฒนาขีดความสามารถของโซลูชันด้วยสารไฮโดรฟลูโอโรโอเลฟิน (HFO) ของฮันนี่เวลล์ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.honeywell-refrigerants.com