ผู้จัดการรายวัน 360 - “ฮันนี่เวลล์” ปรับแนวทางธุรกิจจากเน้นภาคอุตสาหกรรมมุ่งสู่การพัฒนาซอฟต์แวร์มากขึ้น รับกระแสการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ต พร้อมตั้งเป้าการเติบโตในกลุ่มประเทศ HGR กว่า 50% เผยแผนธุรกิจในไทยมุ่งลงทุนด้านซอฟต์แวร์รับนโยบายอุตสาหกรรม 4.0
นายไบรอันด์ เกรียร์ ประธานบริษัท ฮันนี่เวลล์ ประจำภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ฮันนี่เวลล์ เป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตและเทคโนโลยีอันหลากหลาย ติดอันดับ 100 บริษัทใหญ่ที่สุดในโลกตามการจัดลำดับของนิตยสาร Fortune โดยในปี 2559 มีรายได้รวม 3.93 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จาก 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการ ได้แก่ การบินและอวกาศ 1.48 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, เทคโนโลยีและโซลูชันส์ด้านที่พักอาศัยและอาคาร 1.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, วัตถุดิบประสิทธิภาพและเทคโนโลยี 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ, โซลูชันส์ด้านความปลอดภัยและการเพิ่มผลผลิต 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับยอดขายจำแนกตามภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 46% ทวีปยุโรป 25% ทวีปอเมริกา 8% จีน 5% ตะวันออกกลาง 4% อินเดีย 2% และอื่นๆ 10% โดยมียอดขายจำแนกตามประเภทธุรกิจต่างๆ ได้แก่ ที่พักอาศัยและอาคาร 27% อากาศยานเพื่อการพาณิชย์ 19% น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 15% อุตสาหกรรมและพลังงาน 12% กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา 8% เคมีภัณฑ์ 8% ระบบขนส่ง 8% และการป้องกันระหว่างประเทศ 3% โดยรายได้เกือบ 50% มาจากผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง
ในปี 2560 ฮันนี่เวลล์มีการเปลี่ยนแนวทางธุรกิจจากเดิมที่ส่วนใหญ่เน้นอุตสาหกรรมเป็นการให้ความสำคัญด้านซอฟต์แวร์มากขึ้น เพราะความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีกายภาพที่เชื่อมต่อกับดิจิตอลมากขึ้น ในขณะที่ “ฮันนี่เวลล์” มีจุดเด่นด้านสินค้าที่มีหลากหลายประเภทเป็นจำนวนมาก จึงทำให้การเชื่อมต่อในลักษณะ Internet of Things (IoT) เป็นการอำนวยประโยชน์และช่วยให้การดำเนินชีวิตของผู้บริโภคดีขึ้น โดย “ฮันนี่เวลล์” จะให้ความสำคัญต่อตลาดในภูมิภาคที่มีศักยภาพการเติบโตสูง (High Growth Regions) หรือ HGR ได้แก่ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง แอฟริกา บราซิล เม็กซิโก ตุรกี อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย โดยคาดว่าในช่วงทศวรรษหน้าการเติบโตของโลกมากกว่า 60% จะมาจากภูมิภาคนี้
“ฮันนี่เวลล์” คาดว่าอัตราการเติบโตของบริษัทในปี 2560 จะมาจากภูมิภาค HGR มากกว่า 55% โดยในส่วนของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป้าหมายสร้างการเติบโตทางธุรกิจสูงกว่าอัตราการเติบโตทางจีดีพีของประเทศ 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยการเติบโตในช่วงดังกล่าวประมาณ 60% จะเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เนื่องจากโครงการต่างๆ ของรัฐบาลภายใต้นโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจะผนวกอินเทอร์เน็ตเข้ากับภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน ส่งผลให้ตลาด IoT มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพ รวมถึงบริการและโซลูชันส์การเชื่อมต่อต่างๆ ตามแนวทางที่ถนัดของ “ฮันนี่เวลล์”