ปตท.สผ.พร้อมเข้าร่วมประมูลสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุ ทั้งแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ เพื่อมีส่วนร่วมในการผลิตก๊าซธรรมชาติจากทั้ง 2 แหล่ง ยืนยันความพร้อมกับระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) เพราะมีประสบการณ์การทำงานภายใต้รูปแบบนี้ในโครงการต่างประเทศ
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ.มองว่าเป็นการดีที่ ครม.ได้มีมติอนุมัติในหลักการของร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสัญญาแบ่งปันผลผลิตทั้ง 3 ฉบับ และเห็นชอบในประกาศร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เนื่องจากกฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับนี้จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้การประมูลสัมปทานที่จะหมดอายุ คือแหล่งบงกช และแหล่งเอราวัณเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากการประมูลมีความล่าช้ามาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
“เราพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลทั้งในแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ และในฐานะที่ ปตท.สผ.เป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติซึ่งมีรัฐเป็นผู้ถือหุ้น เราจึงมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ชนะการประมูลเพื่อให้บริษัทไทยมีส่วนร่วมในการผลิตก๊าซธรรมชาติจากทั้ง 2 แหล่ง บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเสนอประโยชน์ที่เหมาะสมที่สุดให้กับภาครัฐ” นายสมพรกล่าว
ทั้งนี้ แหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดยการผลิตก๊าซธรรมชาติจากทั้ง 2 แหล่งคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของการใช้ก๊าซธรรมชาติรวมทั้งหมดในประเทศ
ส่วนรายละเอียดจากร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียมเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐจะใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตในการประมูลแหล่งสัมปทานที่จะหมดอายุทั้ง 2 แหล่งนั้น ปตท.สผ.มีประสบการณ์การลงทุนในประเทศต่างๆ ที่ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตเป็นเวลาหลายปี ทำให้มีความเข้าใจการทำงานในระบบนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทยังได้เตรียมความพร้อมทั้งกลไกการทำงานภายในและการสนับสนุนภาครัฐที่สามารถทำให้การดำเนินการผลิตเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ด้านเงื่อนไขการเปิดประมูลหรือทีโออาร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปริมาณการผลิตหรือราคานั้น จากความรู้และความคุ้นเคยในพื้นที่ ปตท.สผ.เตรียมที่จะนำเสนอประโยชน์ที่เหมาะสมที่สุดให้รัฐ ซึ่งนอกจากผลประโยชน์ที่รัฐจะได้จากข้อเสนอในการประมูลแล้ว รัฐยังจะได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมในฐานะผู้ถือหุ้น ปตท.สผ.อีกทางหนึ่งด้วย” นายสมพรกล่าว