ครม.อนุมัติงบค่าเวนคืนรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยอีก 243.63 ล้าน เพื่อก่อสร้างในส่วนทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง ตามราคาประเมินที่ปรับใหม่ปี 2559-2562 เพื่อสะท้อนมูลค่าที่ดินแท้จริงและเป็นปัจจุบัน และเป็นธรรมต่อผู้ถูกเวนคืน ซึ่งทางคู่สายนี้จะแล้วเสร็จปี 62
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ส.ค. ได้อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอวงเงินค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม จำนวน 243.63 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง จากเดิมที่มีค่าทดแทนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 128.82 ล้านบาท รวมเป็นเงินค่าเวนคืนทั้งสิ้น 372.45 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิมที่ 11,348.35 ล้านบาท ซึ่ง ครม.อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2555 โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ภายในประเทศหรือแหล่งเงินที่เหมาะสม รวมทั้งค้ำประกันเงินกู้ให้ ร.ฟ.ท.เพื่อชำระคืนเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างดังกล่าวมีความจำเป็นต้องเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณสถานีชุมทางแก่งคอย สถานีชุมทางบ้านภาชี และสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา โดยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืน พ.ศ. 2556 เพื่อก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง จำนวน 3 ฉบับ มีกำหนดระยะเวลาใช้บังคับ 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2556 และสิ้นสุดระยะใช้บังคับวันที่ 30 สิงหาคม 2560 แต่เนื่องจากติดขัดในเรื่องงบประมาณ ร.ฟ.ท.จึงไม่สามารถดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์เวนคืนได้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แล้วเสร็จได้ทันภายในระยะเวลาใช้บังคับของพระราชกฤาฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนทั้ง 3 ฉบับให้มีผลบังคับต่อเนื่อง โดยกำหนดระยะเวลาอีก 4 ปี
สำหรับวงเงินเวนคืนและรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากวงเงินที่เสนอ ครม.เมื่อปี 2555 คำนวณโดยใช้ฐานราคาประเมิน พ.ศ. 2551-2554 ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นได้วางหลังเกณฑ์การกำหนดราคาค่าทดแทนโดยนำราคาประเมิน พ.ศ. 2559-2562 มาพิจารณา และปรับเพิ่มค่าทดแทนตามสภาพทำเล เพื่อให้สะท้อนมูลค่าที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่แท้จริงและเป็นปัจจุบัน ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการได้รับค่าทดแทนที่เป็นธรรม สอดคล้องตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530
โดยคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น มีมติกำหนดค่าทดแทนที่ดิน อาคาร โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง และไม้ยืนต้น เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา จำนวน 221.71 ล้านบาท สถานีชุมทางแก่งคอย จำนวน 109.91 ล้านบาท สถานีชุมทางบ้านภาชี จำนวน 6.97 ล้านบาท เงินเผื่อเหลือเผื่อขาด 10% จำนวน 33.86 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 372.45 ล้านบาท
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้ลงนามว่าจ้างผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562