อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจเผยภาพรวมตลาดอีเวนต์ครึ่งแรกปี 2560 คงที่ไม่หวือหวา กลุ่มธุรกิจด้านเอนเตอร์เทนเมนต์คึกคัก ด้านการเปิดตัวสินค้า การทำโปรโมชันสินค้า และบริการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทำให้เป็นอีเวนต์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคจริงๆ ครึ่งปีแรกผลประกอบการโต 30% เปิดแผนโปรเจกต์ครึ่งปีหลังของอินเด็กซ์ฯ รุกเข้าไลน์ธุรกิจใหม่ๆ และต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนงานต่างประเทศสูงถึง 10% มั่นใจสิ้นปีปิดยอด 1,700 ล้านบาท
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชียล อีเวนต์ แมกกาซีน สหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “จากสถานการณ์ตลาดอุตสาหกรรมอีเวนต์ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี หลายธุรกิจเริ่มกลับมาโปรโมตสินค้า และบริการมากขึ้น ด้านนักการตลาดต่างใช้เงินเพื่อจัดแคมเปญต่างๆ คึกคักมากขึ้น แต่ธุรกิจที่โดดเด่นมากที่สุด คือ ด้านธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ สังเกตได้จากมีคอนเสิร์ตทั้งในประเทศไทย และจากต่างประเทศที่มีคิวต่อเนื่องจนถึงปลายปี รวมถึงละครเวที และงานแสดงต่างๆ รองลงมาเป็นด้านการเปิดตัวสินค้า และบริการต่างๆ ในธุรกิจหลากหลาย เช่น ด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านสินค้าอุปโภคและบริโภค ด้านยานยนต์ ด้านการธนาคาร ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม และด้านสินค้าแฟชั่น เป็นต้น เรียกว่ากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยด้วยโปรโมชันหลากหลาย ซึ่งจะได้เห็นสภาพการณ์แบบนี้ไปจนถึงปลายปีอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของตลาดที่เน้นเชื่อมโยงเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับสินค้าและบริการ สอดคล้องกับนโยบาย 4.0 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกการเกิดขึ้นของผู้ประกอบหน้าใหม่ๆ อย่างรวดเร็วที่ใช้โอกาสนี้ในการแจ้งเกิดธุรกิจได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่นเดียวกับอินเด็กซ์ฯ ได้ปรับตัว และปรับยุทธศาสตร์ของบริษัทล่วงหน้าถึง 6 ปี ตั้งแต่ปี 2011 เพื่อขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ โดยส่งออก ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ในการบริหารจัดการ และสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) ผนวกกับการปรับโครงสร้างของกลุ่มธุรกิจใหม่
ล่าสุดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกยอดโตสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน 2016 โดยปีนี้มุ่งให้น้ำหนักกับกลุ่มธุรกิจครีเอทีฟ บิสิเนส ดีเวลอปเมนต์ (Creative Business Development) ที่ให้บริการด้านการพัฒนาแบรนดิ้ง และสร้างประสบการณ์พิเศษ สู่การสร้างมูลค่าในรูปแบบของแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นเทรนด์การทำธุรกิจที่มาแรงและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ปีนี้มีการเติบโตสูงที่สุดถึงร้อยละ 131 เมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ส่งผลให้ลูกค้าของอินเด็กซ์ฯ มาจากหลากหลายวงการ เนื่องด้วยความต้องการของลูกค้า ทั้งในส่วนของคอร์ปอเรตของภาคเอกชน และรัฐบาล ต่างต้องการสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอย่างมีเอกลักษณ์ โดยใช้เรื่องของ Creativity-added สูง โดยมีงานในแบ็กล็อกมากกว่า 10โปรเจกต์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา ดีไซน์ ก่อสร้าง และการบริหารจัดการ รวมถึงมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการทำ ศึกษาเรื่องของแผนการตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้องทั้งในแง่มุมของลูกค้า ผู้บริโภค และธุรกิจควบคู่ไปด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
นายเกรียงไกรกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านสัดส่วนของงานอีเวนต์นั้นไม่ได้ลดลง แต่จะถูกนำไปปรับใช้ในต่างประเทศมากขึ้นในรูปแบบต่างๆ ทั้งในเชิงรูปแบบของแหล่งท่องเที่ยว (Brand & Tourist Attraction) การพัฒนาคอนเซ็ปต์ และไอเดียใหม่ๆ โดยเป็นหนึ่งในวิธีการกระจายความเสี่ยงไปในด้านอื่นๆ โดยใช้ความแกร่งในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงด้านทีวี และมัลติมีเดีย ได้วางแผนบุกต่างประเทศ โดยใช้กลยุทธ์ที่เน้นเรื่องของคอนเทนต์ที่มีความเป็นสากล (Universal) มากขึ้น
ส่งผลให้สัดส่วนของกลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มธุรกิจครีเอทีฟ บิสิเนส ดีเวลอปเมนต์ (Creative Business Development) คิดเป็น 39%, 2. กลุ่มมาร์เกตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) คิดเป็น 56% และ 3. กลุ่มไอ-โปรเจกต์ (I-Project) คิดเป็น 5% มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปี 2560 สามารถปิดยอดตามเป้า 1,700 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน พร้อมเพิ่มสัดส่วนของงานต่างประเทศสูงถึง 10% เนื่องด้วยจุดยืนใหม่ที่เราเป็น Creative Business Solutions ที่รองรับงานความคิดสร้างสรรค์ได้ทุกประเภททั้งในประเทศ และต่างประเทศ