กนอ.ร่วมโชว์สิทธิประโยชน์เพื่อการลงทุนในนิคมฯ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ EEC ในงาน “Thailand Industry Expo 2017 ภายใต้แนวคิด อุตสาหกรรม 4.0 ขับเคลื่อนอนาคตไทย” ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 25-30 ก.ค. 2560 นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายกระตุ้นภาคเศรษฐกิจในภาพรวมสร้างโอกาสและส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมไทยให้เข้าสู่การค้าระดับสากล โดยการประสานความร่วมมือรัฐและเอกชน เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคในราคาพิเศษภายในงานมหกรรม “ซื้อของไทย ใช้ของดี Thailand Industry Expo2017” ภายใต้แนวคิดอุตสาหกรรม 4.0 ขับเคลื่อนอนาคตไทย Thailand Industry 4.0 : Shift Our Future ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 25-30 ก.ค.นี้ ณ อาคารชาลเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี กนอ.ในฐานะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีส่วนร่วม โดยการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลด้านการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงทิศทางการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะบทบาทของ กนอ.ในพื้นที่การพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นไฮไลต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ในการจัดนิทรรศการภายในงานดังกล่าว กนอ.มุ่งเน้นให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวการดำเนินงานของ กนอ.ที่สอดรับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวการลงทุน ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการและใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และคุณภาพชีวิตของชุมชน ตามแนวทางการพัฒนาสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ สร้างความเชื่อมั่นและแสดงศักยภาพในการพัฒนานิคมฯ โดยนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อดิจิตอลผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายใต้แนวคิด “เป็นองค์กรนำสร้างเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ สู่เศรษฐกิจอนาคต”
นอกจากนี้ ภายในบูทของ กนอ.ยังให้บริการข้อมูลด้านต่างๆ แก่ลูกค้า หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ให้เกิดความเข้าใจต่อบทบาทภารกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่ กนอ.อยู่ระหว่างการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล ภายใต้โมเดลไทยแลนด์ 4.0 เช่น โครงการพัฒนานิคมฯ ในพื้นที่ EEC โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) เป็นต้น
นอกจากการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมเป้าหมายแล้ว รัฐบาลยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และวิสาหกิจชุมชนควบคู่ด้วย เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานราก หรือ Local Economy ให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่สมดุลนำไปสู่เป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 ที่รัฐบาลต้องการให้ไทยหลุดพ้นจากการมีรายได้ปานกลางในระยะยาว