ปูดแก๊งสุวรรณภูมิหัวใส กินหัวคิวค่าตรวจสอบประวัติอาชญากรรม โดยอาศัยประกาศ กพท. ปรับเกณฑ์ยกเครื่องการออกบัตรเข้าพื้นที่หวงห้าม ทำให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องตรวจสอบประวัติทุกครั้งที่ทำบัตรใหม่ หรือต่ออายุบัตร โดยจ่ายหัวละ 100 บาท แต่กลับได้บัตรชั่วคราว 3 เดือน สายการบินต่างชาติมึนไม่มีใบเสร็จ ผู้ประกอบการโอดค่าใช้จ่ายเพิ่มคนทำงานหลายหมื่นคนกระทบ “นิตินัย” เผยไม่รู้ปัญหา รับไปเร่งตรวจสอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้แก้ไขปรับปรุงระเบียบ ทอท.ว่าด้วยการเข้าออกหรืออยู่ในพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2560 โดยยกเลิกบัตรส่วนกลางและบัตรปฏิบัติงานทั้งหมดที่ไม่มีภาพถ่าย โดยบัตรอนุญาตฯ ทุกประเภทจะต้องปรากฏภาพถ่ายของผู้ถือบัตรอยู่บนหน้าบัตร เพื่อสอดคล้องกับแนวทางที่กำหนดในแผนรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ และเป็นไปตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ในการออกบัตรอนุญาตเข้าพื้นที่หวงห้ามของสนามบิน พ.ศ. 2560 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 นั้น
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ใหม่จะต้องมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมทุกครั้งที่ทำบัตรใหม่ หรือต่ออายุบัตร ซึ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิมีคนทำงานทั้งที่เป็นพนักงานของ ทอท. พนักงานสายการบิน พนักงานบริษัท Outsource รวมๆ หลายหมื่นคน ที่จะต้องมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ซึ่งผู้บริหารสุวรรณภูมิได้แจ้งไปยังผู้เกี่ยวข้องว่า การตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจะมี สน.สุวรรณภูมิเป็นผู้ดำเนินการ โดยมีค่าดำเนินการ 100 บาท เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการในสนามบินสุวรรณภูมิระบุว่า ตามปกติในการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจะต้องยื่นเรื่องไปที่กองทะเบียน สตช. มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ พร้อมแสดงตัวตน ซึ่งหาก ทอท.อำนวยความสะดวกได้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนทำงานที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง แต่มีข้อสังเกตว่า สน.สุวรรณภูมิสามารถตรวจสอบประวัติ และออกใบรับรองได้เองหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อมีสายการบินบางรายสอบถามถึงใบเสร็จค่าใช้จ่าย ทอท.กลับไม่มี และบัตรปฏิบัติงานที่ออกให้นี้เป็นบัตรชั่วคราว มีอายุ 3 เดือนเท่านั้น
โดยระบุว่า เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่มีการประกาศมาตรการ ซึ่งหากหมดอายุจะต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกันใหม่ ซึ่งเท่ากับต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำบัตรทุกๆ 3 เดือนหรือไม่ ซึ่งต้องการให้ ทอท.ดำเนินการอย่างโปร่งใส และไม่เพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่และลูกจ้างที่มีรายได้ไม่มากนัก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังสนามบินดอนเมืองถึงการดำเนินการออกบัตรปฏิบัติงานในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งพบว่ามีความแตกต่างจากสุวรรณภูมิ โดยจะให้บริษัท ผู้ประกอบการ หรือ Outsource ดำเนินการเอง ไปดำเนินการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่กองทะเบียน สตช.แล้วนำหลักฐานมายื่นทำบัตรปฏิบัติงาน
ด้าน นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการอำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานถึงปัญหาดังกล่าว ซึ่งจะเร่งไปตรวจสอบ ทั้งการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม การเก็บค่าดำเนินการที่ไม่มีใบเสร็จ และการออกเป็นบัตรชั่วคราว 3 เดือน ที่อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน
สำหรับบัตรอนุญาตเข้าพื้นที่หวงห้ามนั้น มีแบบถาวร และชั่วคราว ซึ่งเดิมบัตรถาวรจะมีภาพถ่ายและมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในการทำบัตรครั้งแรก ครั้งเดียว แต่เกณฑ์ใหม่จะต้องตรวจประวัติอาชญากรรมทุกครั้งที่มีการต่ออายุบัตรด้วย ซึ่งในส่วนที่เป็นพนักงาน ทอท.จะมีฝ่ายบุคคลเป็นผู้ดำเนินการ เมื่อต้องตรวจประวัติอาชญากรรมทุกครั้ง สำหรับพนักงานใหม่ และพนักงานเดิมที่ครบต่ออายุ จึงจำเป็นจะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้
ขณะที่บัตรแบบชั่วคราว ส่วนใหญ่เป็นของบริษัท Outsource รวมถึงคนงานก่อสร้างที่จะต้องเข้าไปในพื้นที่ด้านใน ซึ่งก็มีหลายหมื่นคน
“เกณฑ์ใหม่เข้มงวดมาตรฐานความปลอดภัยสูง จะห้ามผู้ที่ไม่ได้ทำงานด้านในเข้าเด็ดขาด ยกเว้นหัวหน้าหน่วยงานที่ทำงานด้านใน จากเดิมที่ผู้เกี่ยวข้องจะเข้าพื้นที่ด้านในจะใช้ดุลยพินิจ รวมทั้งหน่วยงานที่ขอบัตรรักษาความปลอดภัยสำหรับบุคคลชนิดชั่วคราว จะต้องมีผู้ที่มีบัตรฯ ชนิดถาวรทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัย ในสัดส่วน บัตรถาวร 1 คน ต่อผู้ติดตามไม่เกิน 5 คน” นายนิตินัยกล่าว