“บิ๊กโย่ง” เร่งเครื่องแผนอนุรักษ์พลังงานภาคขนส่งหลังน้ำมันดิ่งฉุดพลาดเป้า

“อนันตพร” เร่งเครื่องแผนประหยัดพลังงานโดยเฉพาะในส่วนของภาคขนส่งที่ยอมรับว่าพลาดเป้าหมาย สั่งให้จัดทำแผนปฏิบัติการเร่งรัด 11 โครงการภายใต้แผนให้เข้มข้นขึ้น ทั้งส่งเสริมน้ำมันทางท่อ รถไฟฟ้า ฯลฯ พร้อมรุดเตรียมเยี่ยมอาคารอนุรักษ์พลังงานต้นแบบฝึกอบรมหวังให้โรงงานและอาคารอนุรักษ์พลังงานเพิ่มขึ้น

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเยี่ยมชมอาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ ต.คลองห้า จ.ปทุมธานี ว่าอาคารแห่งนี้ถือเป็นหน่วยงานสำคัญหนึ่งของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) สำหรับจัดฝึกอบรมด้านการอนุรักษ์พลังงานให้แก่บุคลากรของโรงงานและอาคารควบคุม และนอกข่ายควบคุม หรือ SME เพื่อนำไปปรับใช้ในองค์กร ซึ่งจะมีส่วนผลักดันให้แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (2558-2579) หรือ EEP-2015 ประสบสำเร็จตามเป้าหมายลดความเข้มของการใช้พลังงานลง 30% ในปี 2579 อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงทำให้ EEP ในส่วนของภาคขนส่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้โดยปฏิบัติได้เพียง 60% ดังนั้นจึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงอยู่ระหว่างปรับแผนปฏิบัติการด้านขนส่ง หรือ Action Plan ในส่วนนี้ใหม่ซึ่งเป็นแผน 4 ปี (ปี 2561-64) ที่จะต้องเข้มข้นมากขึ้น

“แผนปฏิบัติการในส่วนของ EEP นั้น ยอมรับว่าส่วนของภาคขนส่งทำได้เพียง 60% จากช่วงที่ผ่านมา แต่ในส่วนไฟฟ้าปฏิบัติได้ถึง 91% ดังนั้น แผนด้านขนส่งจึงวางเป้าหมายเร่งรัดมากขึ้นทั้ง 11 แผน เช่น การส่งเสริมขนส่งน้ำมันทางท่อที่ขณะนี้จากราคาน้ำมันที่ต่ำก็ทำให้มาขนทางรถมากขึ้นแทนการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า และอื่นๆ” รมว.พลังงานกล่าว

ส่วนการปรับแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP 2015 โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟเป็น 40% ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ยังคงต้องวิเคราะห์เทคโนโลยีให้ชัดเจนก่อนเพื่อประเมินราคาค่าไฟเพราะหากค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นประชาชนจะรับภาระก็คงจะไม่เหมาะสมและความมั่นคงเรื่องตลอด 24 ชั่วโมงได้ก็จะดีกว่าปกติที่ไม่เสถียรคาดว่าภายในสิ้นปีคงจะแล้วเสร็จ โดยต่อไปนโยบายการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) และลม จะเน้นการผลิตแบบต่อเนื่อง24 ชั่วโมง หรือ Firm เป็นหลักซึ่งต้องมีระบบกักเก็บพลังงาน หรือ ESS

สำหรับการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-66 คือ เอราวัณ และบงกช จะเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบได้เดือน ก.ค.นี้ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะบรรจุในวาระเมื่อใด โดยเป้าหมายอยากจะเปิดประมูลคัดเลือกในเดือนสิงหาคม แต่หากล่าช้าไปจนถึงเดือนกันยายนก็คงไม่เป็นไร แต่จะคัดเลือกผู้ชนะประมูลให้เสร็จสิ้นในต้นปี 2561 ซึ่งรูปแบบการประมูลจะเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) หรือ สัมปทานก็จะระบุความชัดเจนหลัง ครม.เห็นชอบ

นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดี พพ. กล่าวว่า อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ คลอง 5 ปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีว่าอาคารแห่งนี้จะผ่านมาตรฐานการจัดการพลังงาน ISO 50001 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่โรงงานและอาคารควบคุมในการจัดการพลังงาน และนับเป็นอาคารภาครัฐกลุ่มแรกที่จะได้รับรองมาตรฐานนี้ ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีหน่วยงานประเภทโรงงานอาคารที่ได้รับรองแล้วเพียง 138 แห่ง และจากทั่วโลกมีองค์กรหน่วยงานที่ได้รับรองประมาณ 11,985 แห่ง

ทั้งนี้ ระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001 ดังกล่าว เป็นมาตรฐานที่มีการควบคุมองค์ประกอบต่างๆ ที่มีผลต่อปริมาณการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน ได้ต่อเนื่อง โดย พพ.ยังได้นำมาตรฐานที่เกี่ยวข้องคือ ISO 50004 : 2014 และ ISO 50006 : 2014 มาพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมภาคบังคับเพื่อให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และช่วยสนับสนุนมาตรการประหยัดพลังงานในโรงงานและอาคารควบคุม ตามแผนอนุรักษ์พลังงานให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย