ป.ป.ช.พบทุจริตขายมันสำปะหลังจีทูจีเก๊เคสใหม่ สั่ง “พาณิชย์” ชี้แจงข้อมูลด่วน หลังตรวจสอบพบเป็นต้นแบบโกงข้าวจีทูจี ใช้บริษัทจีนปลอมเข้ามาทำสัญญา แต่ให้บริษัทไทยเป็นคนรับมอบและนำเข้ามาวนขายในประเทศฟันส่วนต่าง เหตุช่วงนั้นราคาสูง เผยยังพบแอบขนมันออกจากโกดังไม่ยอมจ่ายเงินทำรัฐเสียหายกว่า 700 ล้าน ล่าสุดพาณิชย์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายรวม 3 พันล้าน ปูดบริษัทตัวการชื่อ “ท.” คนเดินเกมชื่อ “ว.” ส่วนบริษัทจีนชื่อ “ฮ.”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์จัดส่งข้อมูลการขายมันสำปะหลังในสต๊อกของรัฐบาลเมื่อปี 2554 หลังจากตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น โดยใช้การขายในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) มีปริมาณมันสำปะหลังที่ทำการซื้อขายด้วยวิธีนี้ปริมาณ 4 แสนตัน มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้วไม่มีการนำมันสำปะหลังไปส่งออกจริง ถือเป็นการทุจริต
ทั้งนี้ รูปแบบการทุจริตที่ตรวจสอบพบก็คือ บริษัทจากจีนไม่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนให้เป็นผู้ซื้อมันสำปะหลังจากไทย และหลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว บริษัทจีนได้มีการมอบหมายให้บริษัทไทยซึ่งเป็นคู่สัญญาเป็นผู้รับมอบสินค้าแทน และใช้วิธีขายหน้าโรงงาน จากการตรวจสอบยังพบว่ามีการนำมันสำปะหลังกลับมาวนขายในประเทศ ทั้งขายให้แก่ผู้ส่งออกรายอื่น และนำกลับเข้าโครงการจำนำเพราะราคามันเส้นขณะนั้นอยู่ที่ประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 8 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ป.ป.ช.ยังได้ตรวจสอบพบการทุจริตที่ไม่เพียงแค่การทำสัญญาซื้อขายจีทูจีปลอมเท่านั้น แต่ยังมีการทุจริตในการขนย้ายมันสำปะหลัง โดยบริษัทรายดังกล่าวได้ดำเนินการขนมันสำปะหลังออกจากโกดังรัฐบาลทั้งๆ ที่ L/C หมดอายุ โดยขนออกไปได้ประมาณ 1 แสนตัน มูลค่าความเสียหายประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ช.ได้รับแจ้งจากทางกรมการค้าต่างประเทศว่าหลังจากที่ตรวจสอบพบได้มีการสั่งให้หยุดขนทำให้เอกชนรายดังกล่าวไม่พอใจ และได้ดำเนินการฟ้องร้องในข้อหาขายมันสำปะหลังไม่ตรงตามสัญญา
ในเรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้รับการชี้แจงจากกรมการค้าต่างประเทศว่าได้มีการขายมันสำปะหลังตามสภาพ และผู้ซื้อได้รับรู้สภาพของมันสำปะหลังเป็นอย่างดีแล้ว และล่าสุดได้มีการดำเนินการฟ้องกลับ โดยเรียกค่าเสียหายรวมทั้งหมดประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบบริษัทไทยที่ทำสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังในรูปแบบจีทูจีเมื่อปี 2554 คือ บริษัท ท. มีกรรมการผู้มีอำนาจ ชื่อ ว. ส่วนบริษัทจีน ชื่อ ฮ. โดยพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงชื่อหลายครั้ง ป.ป.ช.มองว่าการดำเนินการลักษณะนี้เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของการทุจริตการขายข้าวจีทูจีในยุคต่อมา ทั้งการใช้บริษัทจีนที่ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจและได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาล การขายหน้าโกดัง และการมอบอำนาจให้บริษัทบางรายเป็นผู้มีอำนาจในการขนมันสำปะหลังออกจากโกดัง
อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.จะมีการตรวจสอบว่ามีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการขายมันสำปะหลังในสต๊อกรัฐบาล ทั้งรัฐบาลในขณะนั้นว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงอดีต รมว.พาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุมัติขาย และภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด หากได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วก็จะดำเนินการชี้มูลความผิดต่อไป