“บิ๊กตู่” เซ็นคำสั่งย้าย “ณรงค์ เขียดเดช” ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คาดแก้ปัญหาปมขัดแย้งระหว่างบอร์ดกับผู้ว่าฯ หลังมีการตั้ง กก.สอบคุณสมบัติผลผู้ว่าฯ กทพ. คาดบอร์ดเตรียมตั้ง “สุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ” รองอาวุโสสูงสุด รักษาการแทนในการประชุมบอร์ด 12 ก.ค.นี้
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ได้มีการประชุมบอร์ด กทพ.นัดพิเศษ ที่สำนักงบประมาณ โดย พลเอก วิวรรธน์ สุชาติ ประธานกรรมการ กทพ. ได้แจ้งถึงคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ย้ายนายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการ กทพ.ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 2560 โดยเป็นการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีในการบริหารจัดการกำลัง เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่มีความสะดวก และราบรื่น
ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 21/2560 เรื่องให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 68/2559 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 16 พ.ย. 2559 โดยให้กรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับรองรับการบรรจุและแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งไม่เป็นราชการ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของงาน และแก้ไขข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ อันจะเป็นประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดินนั้น
จึงให้นายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ไปปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยยังไม่พ้นจากตำแหน่งเดิมจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นประการอื่น
เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของงานและแก้ไขข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นของรัฐ จึงมีคำสั่งให้ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.ไปปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ที่จัดให้มีขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2560 เป็นต้นไป
โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งต่อนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งให้ผู้ว่าฯ กทพ.ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจเนื่องจากนายณรงค์อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบคุณสมบัติ จึงให้ย้ายไปสำนักนายกฯ เพื่อไม่ให้มีส่วนได้ส่วนเสียในการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.การทางพิเศษฯ กรณีผู้ว่าฯ กทพ.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้แต่งตั้งรองผู้ว่าฯ ที่มีอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่รักษาการแทน โดยบอร์ด กทพ.จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ซึ่งปัจจุบัน นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นรองที่มีอาวุโสที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า บอร์ด กทพ.ตั้งคณะกรรมการสอบนายณรงค์ในกรณีขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กทพ. เนื่องจากเมื่อช่วงเดือน ม.ค. 2559 ที่นายณรงค์เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการ กทพ.นั้นได้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ของ กทพ.ที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลอยู่ด้วย ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 8 ตรี (7) ที่ระบุว่า “ไม่เป็นผู้บริหารหรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจอื่น หรือกิจการอื่นที่แสวงหากำไร” ถือเป็นรอยร้าวสำคัญ
จากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าบอร์ดมีความพยายามที่จะปลดนายณรงค์ออก เนื่องมาจากได้มีข้อขัดแย้งกับทางบอร์ด กทพ.หลายกรณี ขณะที่นายณรงค์กลับมีผลประเมินการทำงานที่ดีมาก และไม่มีข้อเสียหายใดๆ โดยเฉพาะในเรื่องรายได้ของ กทพ.ที่ในปี 2559 สามารถนำเงินส่งคลังได้ถึง 6,300 ล้านบาท มากกว่าปี 2558 ที่นำส่งได้ 3,200 ล้านบาท ถึงเกือบ 1 เท่าตัว จึงได้มีการนำเรื่องคุณสมบัติออกมาตีความว่า กรณีสหกรณ์ กพช.เป็นกิจการอื่นที่แสวงหากำไร ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเพื่อสวัสดิการพนักงาน ไม่ได้เป็นองค์กรที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ได้เป็นคู่แข่งกับ กทพ.แต่อย่างใด อีกทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจอื่นๆ หลายแห่งก็นั่งเป็นผู้จัดการในสหกรณ์ขององค์กรนั้นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการเงินของพนักงานในสังกัด
อย่างไรก็ตาม บอร์ด กทพ.ที่มี พลเอก วิวรรธน์ สุชาติ เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบผลการสรรหานายณรงค์ เป็นผู้ว่าฯ กทพ. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2559 โดยมีการลงนามในสัญญาว่าจ้าง นายณรงค์ เขียดเดช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฯ กทพ. ในวันที่ 13 ม.ค. 2559
