ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เหตุสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สับปะรดโรงงาน ราคาดิ่ง ประกอบกับคนยังกังวลค่าครองชีพ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แนะรัฐกระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้าและเร่งลงทุนภาครัฐเพื่อดึงความเชื่อมั่นและการบริโภคให้ฟื้นตัว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. 2560 ที่สำรวจจากประชาชนตัวอย่างทั่วประเทศ 2,251 คนว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนับจากเดือน ก.พ. 2560 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 74.9 ลดจาก 76.0 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 52.9 ลดจาก 53.7 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต อยู่ที่ 84.1 ลดจาก 85.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 63.3 ลดจาก 64.3 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 70.0 ลดจาก 70.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 91.5 ลดจาก 92.7
สาเหตุที่ทำให้ดัชนีปรับลดลงทุกรายการมาจากราคาพืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ทรงตัวในระดับต่ำ เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน สับปะรดโรงงาน โดยหลายรายการลดลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้กระทบต่อกำลังซื้อในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพ ราคาสินค้าที่ทรงตัวในระดับสูง กังวลรายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และกังวลความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบในเชิงลบต่อการส่งออก และเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ส่วนปัจจัยบวกที่มี ทั้งมูลค่าการส่งออกเดือน พ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 12.70% สูงสุดในรอบ 52 เดือน ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศลดลง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่า สะท้อนว่าเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าในประเทศ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นได้
“การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้นตัวขึ้นไม่มากนัก และยังกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนสูง ราคาพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ยังคงเป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นโดยรวม เพราะทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดซึมตัวลง ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ และเร่งรัดการลงทุนของภาครัฐให้เป็นรูปธรรมครอบคลุมทั้งประเทศเพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้จ่ายประชาชนดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้” นายธนวรรธน์กล่าว