“พาณิชย์” เผยตลาดข้าวไทยคึกคัก บังกลาเทศ-ศรีลังกาติดต่อขอซื้อประเทศละ 2 แสนตัน และมีโอกาสขายให้ฟิลิปปินส์ที่กำลังจะเปิดประมูล ด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยระบุส่งออกข้าว 6 เดือนไทยแซงอินเดียขึ้นเบอร์ 1 แล้ว คาดตลาดครึ่งปีหลังยังดี หลังมีคำสั่งซื้อข้าวรองรับ ชี้ผลพวง พ.ร.ก.แรงงานที่ออกมาทำแรงงานขนถ่ายข้าวหาย กระทบขนข้าวลงเรือ
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดต่างประเทศได้มีการติดต่อเพื่อขอซื้อข้าวไทยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประเมินเบื้องต้นมีปริมาณไม่ต่ำกว่า 5 แสนตัน โดยแยกเป็นบังกลาเทศมีความต้องการซื้อข้าวนึ่งประมาณ 2 แสนตัน ซึ่งได้มีการส่งคณะผู้แทนเดินทางมาเจรจากับกรมฯ แล้ว และจากนั้นศรีลังกาก็จะส่งทีมมาเจรจากับกรมฯ โดยมีความต้องการซื้อข้าวนึ่งประมาณ 2 แสนตันเช่นเดียวกัน
ส่วนที่เหลือคาดว่าจะสามารถขายให้กับฟิลิปปินส์ที่กำลังอยู่ระหว่างการประกาศทีโออาร์เปิดประมูล ซึ่งจะมีความชัดเจนว่าจะเปิดประมูลเท่าไรวันที่ 6 ก.ค.นี้ จากนั้นจะเปิดให้ยื่นประมูลในวันที่ 25 ก.ค. 2560 ต่อไป โดยมั่นใจว่าไทยน่าจะประมูลขายให้ฟิลิปปินส์ได้ และยังมีอิรักที่มีความสนใจที่จะเข้ามาเจรจาซื้อขายข้าวกับรัฐบาล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ซื้อจากเอกชนไปแล้ว
“ข้าวที่จะขายให้กับบังกลาเทศและศรีลังกาเป็นข้าวนึ่ง ซึ่งต้องใช้ข้าวใหม่มาทำ โดยนำข้าวเปลือกมาอบ นึ่งและสี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อราคาข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2560/61 ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. เพราะคุยกันเดือน ก.ค. กว่าจะตกลงกันได้ กว่าจะเซ็นสัญญา ก็พอดีกับข้าวใหม่ออก เป็นการมีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวใหม่พอดี ช่วยให้เกษตรกรมีตลาดรองรับ และเป็นผลดีต่อราคาข้าวในตลาด” นางดวงพรกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของศรีลังกา คาดว่าจะมีความต้องการข้าวมากกว่า 2 แสนตัน เพราะผลผลิตในประเทศเสียหายทั้งจากภัยแล้งและน้ำท่วม โดยประเมินว่าจะมีความต้องการนำเข้าข้าวไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวไทยล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 มิ.ย. 2560 อยู่ที่ 5.33 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15.6% แซงหน้าอินเดียขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก หลังจากที่เสียแชมป์ให้อินเดีย 2 ปีต่อเนื่อง คาดว่าครึ่งแรกของปีนี้น่าจะส่งออกรวม 5.5 ล้านตัน และจะบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านตันได้ โดยมีปัจจัยบวกจากสัญญาส่งมอบข้าวจีนอีก 6 แสนตัน ความต้องการซื้อของฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อิหร่าน อิรัก บังกลาเทศ และศรีลังกา โดยราคาก็มีแนวโน้มดี ขณะนี้เพิ่มขึ้นแล้ว 20% จากช่วง 3 ปีก่อน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หลังจากที่ พ.ร.ก.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือ โดยแรงงานหายไป 30-40% จนมีสินค้าตกค้างที่ท่าเรือจำนวนมาก และทำให้การส่งมอบข้าวล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งจะกระทบการส่งออกข้าวของไทยที่กำลังขยายตัวได้ดี แต่หลังจากมีการใช้มาตรา 44 ชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปสถานการณ์น่าจะดีขึ้น