ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีอาร์จี” เปิดแผนดันไอศกรีมโคลสโตนขยายทำเลใหม่ เร่งศึกษาเจาะตลาดสแตนด์อะโลน สถาบันการศึกษา คอมมูนิตีมอลล์ พร้อมสยายปีกช่องทางใหม่ทั้งจัดเลี้ยง จัดส่ง และโมบายล์เคลื่อนที่
นางวชิราภรณ์ วานิชชัย ผู้อำนวยการอาวุโส แบรนด์โคลสโตน ครีมเมอรี่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองต์ส กรุ๊ป จำกัด ในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีจากนี้จะมีร้านโคลสโตนในไทยให้ได้ประมาณ 50 สาขา จากปัจจุบันที่มี 19 สาขา และคาดว่าสิ้นปี 2560 นี้จะมีครบ 30 สาขา โดยลงทุนสาขาละ 5 ล้านบาท หรือลงทุนรวมในช่วงจากนี้เฉพาะงบลงทุนสาขาประมาณ 150 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 2560 นี้จะใช้งบลงทุนรวม 45 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนเปิดสาขาใหม่และการรีโนเวตร้านประมาณ 70% ตั้งเป้าเปิดสาขาปีนี้ 10 แห่ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดจากเดิมเฉลี่ย 3-5 สาขาต่อปีเท่านั้น ซึ่งปีนี้เปิดสาขาแรกไปแล้วที่จามจุรีสแควร์ ต่อไปคาดว่าจะเปิดที่เอสพลานาด รัชดาภิเษก เซ็นทรัลโคราช โรบินสันมหาชัย เป็นต้น ส่วนอีก 30% เป็นงบด้านการตลาด
โดยสาขาที่เปิดบริการอยู่นี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นหลักมากกว่า 16 สาขา อยู่ในต่างจังหวัดเพียง 3 สาขาเท่านั้น และส่วนใหญ่จะเปิดอยู่ตามศูนย์การค้าเป็นหลัก ทำให้จากนี้มีแผนที่จะขยายทำเลใหม่ๆ ที่มีความน่าสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด รวมทั้งการหาพื้นที่ด้วย เช่น คอมมูนิตีมอลล์ สถาบันการศึกษา เช่นมหาวิทยาลัย รวมทั้งโรงเรียนนานาชาติ และสแตนด์อะโลนด้วย ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้มีการทดลองตลาดบ้างแล้วด้วยการไปออกบูทตามทำลใหม่ๆ เหล่านี้ เช่น โรงเรียนบางกอกพัฒนา โรงเรียนนานาชาติแฮร์โรว์ เป็นต้น ขณะที่ปีที่แล้วตั้งเป้าเปิด 6 แห่ง แต่เปิดได้ 5 แห่ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ๆ ในช่วงที่ผ่านมาที่เพิ่งเริ่มขยายธุรกิจออกไปบ้างแล้ว แต่ช่องทางหลักๆ ยังคงเป็นร้านในศูนย์การค้า สัดส่วนรายได้ล่าสุด (สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2560) คือ 87% และสิ้นปีนี้สัดส่วนจะเป็น 80% เนื่องจากช่องทางใหม่ๆ เริ่มเติบโตขึ้นแล้ว เช่น ทีมโมบายล์ออฟฟิศโรดโชว์ นำเอาต์เลตไปกระจายตั้งจุดขาย และแนะนำสินค้า เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อ สัดส่วน 5% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเป็น 9% 2) การจัดเสิร์ฟแบบจัดเลี้ยงแคเทอริ่ง งานเลี้ยงต่างๆ สัดส่วน 5% สิ้นปีนี้คาดว่าจะเป็น 6% 3) การจัดส่งดีลิเวอรีเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เนื่องจากคนในยุคปัจจุบันมีการสั่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น สัดส่วน 3% เพิ่มเป็น 5% ในสิ้นปีนี้
ส่วนกลยุทธ์การตลาด จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีขนาดและราคาเหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคคนไทย ปัจจุบันลูกค้าสามารถรับประทานไอศกรีมได้ในราคาเริ่มต้น 55 บาท ซึ่งปีที่แล้วทดลองออกไอศกรีมซันเดย์เพื่อเพิ่มทางเลือก และให้เข้าถึงกับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่อาจจะยังไม่เคยรับประทานโคลสโตนฯ, การเน้นราคาและความคุ้มค่า โดยเปิดตัวไอศกรีม “Signature on the go” ราคา 85 บาท เมื่อเดือนมิถุนายน, การจัดจำหน่าย Cold Stone Exclusive Coupon ราคา 199 บาท โดยสามารถเลือกรับสินค้าได้จาก 5 เซตสุดคุ้ม ซึ่งคูปองส่วนลดมีมูลค่ากว่า 2,000 บาท, การออกสินค้าใหม่ทุก 2 เดือน
ล่าสุดจัดแคมเปญ Cold Stone Creamery Free Ice cream Day ปีที่ 3 และฉลองครบรอบ 7 ปี Cold Stone Creamery ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เราจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวัน National Ice cream Day และเฉลิมฉลอง National Ice Cream Month ในเดือนกรกฎาคมตามสหรัฐอเมริกา โดยให้ลูกค้าได้อร่อยกับไอศกรีมมิกซ์อิน ระดับซูเปอร์พรีเมียม ฟรีพร้อมกันทุกสาขาทั่วประเทศวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2017 เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป จำนวนสาขาละ 355 โคน รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท และกิจกรรมอื่นๆ
“ตลาดไอศกรีมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เติบโต 20% ตอนนี้แข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งกลุ่มแมส, พรีเมียม, ซูเปอร์พรีเมียมแล้ว ปัจจุบันยังมีแบรนด์ในกลุ่มเบเกอรีที่นำไอศกรีมไปเป็นส่วนประกอบของเมนูต่างๆ ก็ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกสำหรับของหวานมากขึ้น เราวางงบประมาณด้านการตลาดไว้มากกว่า 15% จากยอดขาย และเน้นการตลาดเชิงรุกมากขึ้นเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าจากเดิม เพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ และสินค้าให้มากขึ้น เน้นสื่อออนไลน์และสื่ออินสโตร์มีเดียเพื่อเพิ่มแบรนด์อะแวร์เนส และจับกลุ่มลูกค้าที่มาเดินในศูนย์การค้าให้นึกถึงเรามากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20-30%” นางวชิราภรณ์กล่าว