ปตท.แจ้งแหล่งก๊าซเจดีเอ A-18 ปล่อง Flare Tip หักทำให้ต้องหยุดผลิตชั่วคราว ส่งผลกระทบโรงไฟฟ้าก๊าซจะนะต้องหยุดผลิตไฟฟ้าตาม “กฟผ.” ยืนยันภาคใต้ไร้ปัญหาไฟขาดสั่งซื้อไฟมาเลเซียที่สำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน 300 เมกะวัตต์ เดินเครื่องดีเซล ฯลฯ รับมือแล้ว
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้รับแจ้งจาก บมจ.ปตท.ว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 60 เวลา 15.00 น. แหล่งก๊าซฯ พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือเจดีเอ A-18 ผู้ดำเนินการผลิตคือ Joint Operating Company ระหว่าง Petronas Carigali Sdn Bhd กับ Hess Oil 50%:50%) เกิดปัญหาต้องหยุดผลิตชั่วคราว (Total shutdown) เนื่องจากพบว่ามีอุปกรณ์เผาก๊าซในทะเลที่เหลือจากกระบวนการผลิต (Flare Tip) หัก ทาง ปตท.คาดว่าผู้ผลิตจะใช้เวลาแก้ไขประมาณ 3 วัน
จากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบให้โรงไฟฟ้าจะนะในส่วนกังหันก๊าซต้องหยุดผลิตไปด้วย แต่ กฟผ.ได้บริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์ให้ระบบไฟฟ้าภาคใต้ดำเนินการได้อย่างปกติโดยไม่มีไฟฟ้าดับ ซึ่งความต้องการไฟฟ้าภาคใต้ขณะนั้นอยู่ที่ 2,350 MW มีกำลังผลิตเหลือเพียง 1,875 เมกะวัตต์ จากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 1 ด้วยน้ำมันดีเซล 700 เมกะวัตต์, ปลดเครื่องโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 2 กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์เพราะไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงดีเซล
พร้อมกันนี้ ได้มีการผลิตจากเขื่อนเชี่ยวหลาน 240 เมกะวัตต์, เขื่อนบางลาง 56 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าเอกชนจากผู้ผลิตรายเล็กหรือเอสพีพี 29 เมกะวัตต์ พร้อมสั่งซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียที่มีข้อตกลงร่วมกันในการขายไฟฟ้าระหว่างกันหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน 300 เมกะวัตต์, ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปใต้ 200-300 เมกะวัตต์ และเดินโรงไฟฟ้ากระบี่ที่ใช้น้ำมันเตาแต่เนื่องจากเป็นช่วงหยุดเดินเครื่องต้องใช้เวลาในการกลับมาเดินเครื่อง 1 วัน
“การเดินเครื่องด้วยดีเซลอาจมีผลให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นบ้างแต่จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับแหล่ง A-18 จะแก้ไขสถานการณ์ได้เร็วเพียงใด และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเป็นผู้คำนวณค่าไฟ โดย กฟผ.มีหน้าที่บริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนซึ่งได้ทำอย่างเต็มที่” นายสหรัฐกล่าว
