“พาณิชย์” ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันเก็บสต๊อกไบโอดีเซลเพิ่มเป็น 90 ล้านลิตร จากเดิม 50 ล้านลิตร เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มออกจากตลาด และช่วยดึงให้ราคาผลปาล์มดิบสูงขึ้น
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการปาล์มน้ำมันว่า จากการหารือกับกรมธุรกิจพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหามาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์มสดให้แก่เกษตรกร ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันเก็บสต๊อกน้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านลิตรต่อเดือน จากปัจจุบันที่เก็บสต๊อกไว้ 50 ล้านลิตรต่อเดือน คาดว่าจะช่วยดึงน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ออกจากตลาดได้เพิ่มขึ้นเป็น 7.6 หมื่นตัน จากเดิมที่ดึงออกจากตลาดได้ประมาณ 4-5 หมื่นตัน
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ราคาผลปาล์มสดที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับในอีก 1 สัปดาห์จากนี้ปริมาณผลผลิตปาล์มสดจะเริ่มลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อราคาที่จะปรับตัวดีขึ้น
นางนันทวัลย์กล่าวว่า กรมฯ ยังได้กำหนดราคาแนะนำรับซื้อผลปาล์มสด เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ที่ 4.30 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2560 โดยราคาผลปาล์มสด ณ วันที่ 20 มิ.ย. อยู่ที่ 4.10 บาทต่อ กก.
ส่วนสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3.7 แสนตัน โดยราคาซีพีโอของไทยอยู่ที่ 23 บาทต่อ กก. ซึ่งใกล้เคียงกับทางมาเลเซียอยู่ที่ 21.65 บาทต่อ กก. และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งออกหลังจากราคาของไทยกับมาเลเซียไม่ต่างกันมาก
สำหรับผลผลิตปาล์มน้ำมันของไทยในปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตผลปาล์มสดออกมาที่ 11.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 6.4% คิดเป็นผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ 1.99 ล้านตัน โดยคาดว่าจะมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพิ่มบริโภคที่ 1 ล้านตัน และใช้ในไบโอดีเซล 8.9 แสนตัน
นางนันทวัลย์กล่าวว่า กรมฯ ยังได้หารือกับตัวแทนสภาเกษตรกรที่เป็นผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน โดยทางเกษตรกรได้เสนอขอให้รัฐบาลมีมาตรการดูแลราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาด และขอให้ชะลอการใช้มาตรการขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่จะออกมาแทรกแซงราคา โดยจะซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร และให้โรงสกัดนำไปสกัดเพื่อเก็บสต๊อกเป็นน้ำมันปาล์มดิบเอาไว้