ผู้บริหารอิตาเลียนไทยฯ พบ “พิชิต” ยอมรับมาตรการยังไม่ดีพอจนเกิดเหตุสายสีแดงซ้ำซาก ร.ฟ.ท.สั่งหยุดก่อสร้างในที่สูงทั้งหมดหลังล่าสุดเกิดเหตุเหล็กฉาบปูนตกใส่รถยนต์ พร้อมสั่งเปลี่ยนวัสดุป้องกันของตกจากสแลนเป็นผ้าใบหรือวัสดุอื่นที่ดีกว่า พร้อมเตรียมเพิ่มบทลงโทษในสัญญาก่อสร้างในอนาคตเพื่อป้องปรามอีกชั้น เริ่มตั้งแต่ปรับ ไปจนขึ้นบัญชีดำ
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) และนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เกี่ยวกับมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เกิดเหตุเหล็กฉาบปูนตกจากไซต์งานก่อสร้างสถานีบางเขน ใส่รถยนต์ด้านล่างจนได้รับความเสียหาย ว่า ยอมรับว่าแม้จะมีการกำชับในเรื่องมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างตามหลักมาตรฐานสากลแล้วแต่ยังมีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ให้เข้มงวดมาตรการมากขึ้น โดยให้ผู้ตรวจสอบทั้ง 3 ระดับ คือ วิศวกรของผู้รับจ้าง, ที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้าง (CSC) และคณะกรรมการผู้มีอำนาจสั่งหยุดงาน (WSC) เพิ่มความถี่ของการตรวจสอบหรือให้มีการตรวจซ้ำโดยเฉพาะจุดที่ยังไม่แน่ใจเรื่องความปลอดภัย
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องปราม จะมีการพิจารณาเพิ่มบทลงโทษในสัญญาก่อสร้างในอนาคต โดยจะเป็นมาตรการทั้งด้านวินัย (ปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบงาน), บทลงโทษปรับเป็นเงิน โดยกำหนดระดับของเหตุการณ์ เช่น กรณีมีผู้บาดเจ็บ กรณีมีผู้เสียชีวิต หรือชะลอการจ่ายค่างวด ส่วนกรณีที่เหตุร้ายแรงอาจจะถึงขั้นขึ้นบัญชีดำ (Black List) ซึ่งทาง ร.ฟ.ท.จะเร่งพิจารณาข้อกฎหมายก่อนสรุปและนำมาเขียนในสัญญาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายพิชิตกล่าวว่า เมื่อเหตุเหล็กฉาบปูนหล่นทะลุตาข่ายหรือสแลนลงมาได้สั่งการให้ ITD หยุดงานก่อสร้างในที่สูงไว้ก่อน ซึ่งผู้บริหาร ITD ชี้แจงว่าจุดก่อสร้างดังกล่าวจำเป็นต้องเปิดให้มีการสัญจรด้านล่าง ดังนั้นจึงสั่งให้เปลี่ยนอุปกรณ์ป้องกันของตกหล่น จากสแลนเป็นวัสดุทึบ เช่น ผ้าใบหรือไม้อัด เพื่อป้องกันกรณีของหล่นแล้วทะลุลงมาด้านล่าง พร้อมกันนี้ได้กำชับมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดทางผู้บริหาร ITD ยอมรับว่าจะต้องเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นแม้ว่าที่ผ่านมาจะระมัดระวังมากแล้ว พร้อมทั้งยืนยันที่จะดูแลชดเชยเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายทันทีอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และพอใจ โดยไม่รอกระบวนการทางกฎหมาย
ส่วนเหตุโครงสร้างของ support launcher รถไฟสายสีแดงหล่น เมื่อวันที่ 28 เม.ย. บริเวณหน้าวัดดอนเมือง จนทำให้คนงานเสียชีวิต 3 รายนั้น ปัจจุบันยังให้ ITD หยุดงานอยู่ และอยู่ในขั้นตอนการสรุปแนวทางการตรวจสอบจากคณะกรรมการผู้มีอำนาจสั่งหยุดงาน (WSC) ซึ่งมีผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า), วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.), กระทรวงแรงงาน, ร.ฟ.ท. และตรวจสอบ launcher ที่มีประมาณ 4-5 ตัว และหากพบว่ามีความพร้อมจะอนุมัติให้เริ่มทำงานได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการหยุดก่อสร้างในจุดที่เกิดอุบัติเหตุอาจทำให้การก่อสร้างต้องล่าช้าออกไป ซึ่งผู้รับเหมาจะต้องปรับแผนเพื่อเร่งงานก่อสร้างให้เสร็จตามสัญญาหากไม่ทันจะต้องถูกปรับ และไม่สามารถนำมาอ้างเป็นเหตุของต่อสัญญาได้เพราะถือเป็นความผิดของผู้รับจ้างเอง ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มคนเพื่อเร่งมือในงานที่ล่าช้า
โดย บมจ.อิตาเลียนไทยฯ เป็นผู้รับจ้างสัญญาที่ 2 สายสีแดง มูลค่า 21,235,400,000 บาท เริ่มสัญญาวันที่ 4 มี.ค. 2556-10 ก.พ. 2560 (1,440 วัน) ได้รับการขยายเวลาก่อสร้างเพื่อช่วยเหลือกรณีขึ้นค่าแรง 300 บาทตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยสัญญาจะสิ้นสุดในเดือน ก.ค. 2560 และอยู่ระหว่างพิจารณาขยายออกไปอีกจนถึงเดือน ก.พ. 2561