ข่าวปนคน คนปนข่าว
บึ้ม“ห้องวงษ์สุวรรณ”ยังไม่คืบ ยังจะกล้าเอาระเบิดมาขู่ ล้มงานกินโต๊ะแชร์ 50 ส.ส.
ทรมานคนป่วยเสียจริ๊งงง .. เห็นสภาพ“ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม “แบกสังขาร”มาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ เมื่อวานแล้วก็อกห่วงไม่ได้ ทุกย่างก้าวเป็นไปแบบ“สโลว์โมชั่น”พูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำเหมือนเคย .. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะถูกขอให้พักที่กระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่หักหาญน้ำใจมาก แค่ลดภาระรมว.กลาโหม ให้เหลือรองนายกฯ เพียงตำแหน่งเดียว ..
เมื่อถามกับเจ้าตัว ก็ได้แต่โบยมือหยอยๆ พูดเสียงแผ่วๆ ว่า “สื่อคิดเอง ถามเอง”อากัปอาการ ดูโรยราไม่น่าเกรงขามเฉกเช่น“พี่ใหญ่ คสช.”คนเดิม .. มีข่าวว่าช่วงนี้ “ป๋าป้อม”แจกจ่ายงานให้ทีมงาน และ“บิ๊กโด่ง”พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ดูแลจนเกือบหมดมือ .. ว่ากันว่าเหตุผลที่ยังต้องเชิด“ป๋าป้อม” ให้อยู่ในรัฐบาลต่อ ก็เพื่อเป็น“สัญลักษณ์”ว่าเป็นแกนหลักของ“องคาพยพ คสช.”หรือเป็นเรื่องเสถียรภาพของคสช. .. ที่น่าเป็นห่วง ก็เรื่องานความมั่นคงที่“บิ๊กป้อม” เป็นผู้ดแล หลังๆ ออกลูกสะเปะสะปะ อย่างระเบิด 3 จุดในกทม. “กองสลากเก่า-โรงละครแห่งชาติ - รพ.พระมงกุฎฯ”ก็แทบไร้ความคืบหน้า .. หรือการไปล้มโต๊ะ “กลุ่ม 50 ส.ส.”เมื่อวันก่อน ใครดูก็รู้ว่า“บิ๊ก คสช.”คงไม่อยากให้เป็นตัวอย่างให้นักการเมืองกลุ่มอื่นเลียนแบบ ก็ต้องหาทางให้เลิก ทั้งที่ดูยังไงๆ มันก็แค่นัด “กินโต๊ะแชร์” .. แต่นี่ “พี่ตำรวจ”ไม่รู้คิดยังไง ไปอ้างว่ามี“วัตถุต้องสงสัย”ในโรงแรม เอาเรื่องระเบิดที่ละเอียดอ่อน มาล้อเล่นแบบนี้ ทิ่มเข้าไปที่จุดอ่อนของรัฐบาล คสช. ที่คลี่คลายเรื่องระเบิดป่วนเมืองไม่ได้เลย .. ไม่รู้ว่าผ่านการกลั่นกรองของ“ท่านรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง”หรือเปล่า
“ลุงกำนัน”กลัวตกขบวน รีบออกมาตอบ 4 คำถามลุงตู่
เงียบกริ๊บบ .. บรรยากาศวันแรกการเปิดรับฟังคำตอบ“4 คำถามลุงตู่”ที่ทางศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย รับมาเป็นเจ้าภาพ ในการเปิดจุดรับฟังคำตอบทั่วประเทศ .. ผู้เกี่ยวข้องรีบออกตัว สงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพ แค่วันแรกยังตัดสินไม่ได้ การประชาสัมพันธ์อาจไม่ทั่วถึง .. ใครตอบไม่ตอบ ไม่รู้ “ลุงกำนัน”สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ถือฤกษ์วันแรก โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ตอบ 4 คำถาม ที่น่าจะ ตรงใจ“บิ๊ก คสช.” ทั้งที่บอกว่า“ถ้าเลือกตั้งแล้วรัฐบาลไม่มีธรรมาภิบาล ก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง”หรือ “นักการเมืองที่ทุจริต ไม่เคารพกฎหมาย ต้องไม่ได้รับโอกาสเข้ามามีอำนาจหน้าที่ในทางการเมืองอีก”ตอบราวกับนั่งอยู่ในใจ“ลุงตู่”ยังไง ยังงั้นเลย
เด้ง ผบช.ภ.8 เซ่นเซ็งลี้ เก้าอี้ ตร.
ไหนว่าไม่มี๊..ไม่มี "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า ย้ายฟ้าผ่า พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการภาค 8 ออกจากตำแหน่ง .. เหมือนสารภาพบาป กรณีที่ วิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. เพิ่งออกมาแฉว่า การโยกย้ายข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ และสารวัตร ราคา "นักวิ่ง" ทะลุไปถึง 5 ล้าน 7 ล้าน ระดับสารวัตรยังตก 2 ล้าน .. ร้ายกว่านั้น "ตำรวจนักวิ่ง" ส่วนใหญ่ยังถูกหลอกเสียเงินฟรี แต่ไม่ได้ตำแหน่งอีกต่างหาก แถมแจ้งความไม่ได้ด้วย 555 ..
แม้ "วิทยา" จะไม่ได้ระบุชัดว่าแห่งหนตำบลใด แต่ด้วยพื้นเพฐานเสียงเป็นส.ส.เมืองคอน.. นครศรีธรรมราชมานาน หวยก็เลยออกไปก่อนที่ "ภาค 8" ส่วนภาคอื่นๆ ที่เละเทะไม่แพ้กัน ว่าจะถูกหวยเหมือนเพื่อนรึป่าว .. แต่ที่แหกไปก่อนใคร ก็ "ป๋าป้อม" รองนายกฯ กำกับ สตช. ที่เพิ่งทำเสียงเข้ม บอกยุคนี้ไม่มีซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ไม่ทันไร "ผบ.แป๊ะ" ก็ล่อซะแล้ว .
โอ้โฮเฮะ “หน่วยงานรัฐ-กองทัพ”ค้างค่าไฟ 6 พันล้าน “นายกฯตู่”สั่งเคลียร์หนี้ให้หมดใน 3 เดือน “กลาโหม”ส่อชักดาบ
ควันหลงการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาทเมื่อวันก่อน มีช่วงหนึ่ง“นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้ “หน่วยงานราชการ”ที่ค้างค่าน้ำ-ค่าไฟ รวมๆกันแล้วเป็นเงิน 6 พันล้านบาท ไปเคลียร์หนี้ จ่ายให้หมดภายใน 3 เดือน .. ค่าน้ำน่ะจิ๊บๆ รวมๆ แค่ 1 ร้อยล้าน แต่ค่าไฟนี่ซิ มหาศาล ไฟฟ้านครหลวงเจอเซ็นต์อยู่ 2 พันล้านบาท ไฟฟ้าภูมิภาคหนักสุด 4 พันล้านบาท นี่ยังไม่รวมค่าโทรศัพท์ของ“ทีโอที”อีกพันกว่าล้าน .. ฟังคำ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่พูดถึงเรื่องนี้ เหมือนไม่ยี่หระ ประมาณว่า ทั้งหน่วยงานรัฐ-กองทัพ ติดหนี้สาธารณูปโภคมานานเป็นสิบๆ ปี ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จนกระทั่งเกษียณก็ติดมาตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่า“งบประมาณที่ได้ไปแต่ละปีไม่เพียงพอ”
..เหลื่อมล้ำจริงๆ หน่วยงานรัฐค้างค่าไฟเป็นสิบๆ ปีได้ แต่ชาวบ้านค้างค่าไฟไม่กี่วัน ก็ไปตัดไฟแล้ว .. แล้วที่ว่างบประมาณไม่พอไปใช้หนี้เนี่ย ก็ไม่น่าจะฟังขึ้น ตั้งแต่คสช.เข้ามา งบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มขึ้นตลอด ตั้งแต่ปี 2558 ที่ 2.575 ล้านล้าน ปี 2559 ที่ 2.72 ล้านล้าน ปี 2560 ที่ 2.73 ล้านล้าน ปีหน้า 2561 ตั้งไว้เป็นประวัติการณ์ ที่ 2.99 ล้านล้าน .. เอาเฉพาะกระทรวงกลาโหม ก็ได้ เพิ่มทุกปี ปีนี้ก็เพิ่มจากปีก่อน 4.16% เฉียดๆ 1 หมื่นล้าน ไม่น่าจะยากเย็น เหนียวหนี้ .. ยิ่งฟัง “บิ๊กโด่ง”พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ชี้แจงก็แทบจะหงายตึง บอกหลายปีที่ผ่านมา ก.กลาโหม ได้รับงบประมาณค่อนข้างน้อย ได้มาก็ต้องไปจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทดแทนของเก่าที่หมดอายุ .. แบบนี้“เจ้าหนี้”ที่ไหนจะกล้าไปทวงละครับท่าน
สยองซ้ำซาก“อิตาเลียนไทย”เจ้าเก่า ภาครัฐต้องเอาจริง ก่อนจะมี“รถไฟสายมรณะ”อีก
ถัดจาก“ตำรวจไทย”ก็คงเป็น “อิตาเลียนไทย”ยักษ์ใหญ่รับเหมาก่อสร้างเมืองไทยละมั้ง ที่ฟอร์มพีค สร้างประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ได้ไม่เว้นแต่ละเดือน .. ล่าสุดก็เป็นคราวเคราะห์ของ “หนุ่มนักบิน”ที่หวิดสิ้นชื่อ เจอแจ็กพอตเหล็กฉากจากไซต์งานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง ย่านบางเขน หล่นใส่หลังคากระแทกทะลุกระจก ฝั่งคนขับ กระจกหน้าแตก หลังคายุบ .. เดชะบุญที่ทะลุมาไม่ถึงตัว “หนุ่มนักบิน”เลยได้มีโอกาสไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ .. ย้อนกลับไปปลายเดือนก่อน 28 เม.ย.60 ก็เกิดเหตุสยอง เครนหล่นทับคนงานเสียชีวิตไป 3 ราย ในไซต์งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของ“อิตาเลียนไทย”เหมือนกัน หนนั้นก็มีคำสั่งพักงาน ก่อนตัดตอนความผิดว่า วิศวกรคุมงานประมาท แล้วก็กลับมาก่อสร้างต่อ ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องเหมือนเดิมจนได้ .. ย้อนไปอีกนิด
มี.ค.60 ก็เกิดเหตุระทึกคานเหล็กหนักราว 1 ตัน ของโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว บน ถ.พหลโยธิน ฝั่งขาเข้า ใกล้แยกรัชโยธิน ร่วงทับเก๋งพังยับเยิน เคราะห์ดี“สาวเจ้าของรถ”รอดปาฏิหาริย์ โครงการก็อยู่ในความรับผิดชอบของ“อิตาเลียนไทย”เจ้าเก่านั่นแหละ
ปกติเรื่องพรรค์นี้มักจะมีจังหวะให้เรื่องซาๆ เงียบไปกับสายลม แต่ปี 2560 เป็นปีทองของ“อิตาเลียนไทย”กระมัง จัดคอมโบใหญ่ ซ้ำซากให้เห็นทุกเดือน .. มีข้อมูลเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีแดงของ“อิตาเลียนไทย”เส้นเดียว เกิดเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 8 ราย อันนี้พูดถึงเฉพาะที่เป็นข่าวอะนะ ที่เงียบๆ เชียบๆ มีรึป่าวอันนี้ไม่รู้ .. ถามว่า“หน่วยงานรัฐ”ในฐานะ “ผู้ว่าจ้าง”มีหือ มีอือ อะไรไหม ก็เปล่าเลย เวลาเกิดเรื่องก็เห็น กระทรวงคมนาคม แตะมือการ รถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ดูแลสายสีแดง หรือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ดูแลสายสีเขียว ออกมาขู่ฟ่อ ทั้งขึ้นบัญชีดำ-แบล็กลิสต์มั่ง ยกเลิกสัญญามั่ง บอกจะมีมาตรการ“ล้อมคอก”มั่ง พอเผลอๆ เรื่องเงียบหน่อย ก็กลับมาทำงานกันโครมๆ เหมือนเดิม .. จริงอยู่ฝ่ายรัฐคงไม่อยากไปเอาเรื่อง “อิตาเลียนไทย”ให้เสียเวลา ก็เท่าที่เป็นอยู่ มันก็ล่าช้ากว่าแผนการอยู่แล้ว .. แต่การที่ทำมึน ไม่รู้ไม่ชี้ ยังปล่อยให้บริษัทที่มีผลงานด้านความปลอดภัยห่วยแตกแบบนี้เข้าประมูล-ได้งานรัฐเรื่อยๆ ที่อยู่ในมือตอนนี้ก็ 5 โครงการ 6 หมื่นล้าน แลกมากับความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินทั้งของคนงานเอง แล้วก็ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ .. ฝากกระทุ้งแรงๆไปถึง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม อานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ว่าฯร.ฟ.ท. รวมทั้ง พีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าฯรฟม.เสียหน่อยว่า อย่าดีแต่ขู่ ต้องลงดาบกันจริงๆ จังๆเสียแล้ว .. ปล่อยไว้คงกลายเป็น“ทางรถไฟสายมรณะ”แข่งกับเจ้าของเดิมที่เมืองกาญจน์แน่ๆ .
ช.ชฎา
ข่าวปนคน คนปนข่าว
บึ้ม“ห้องวงษ์สุวรรณ”ยังไม่คืบ ยังจะกล้าเอาระเบิดมาขู่ ล้มงานกินโต๊ะแชร์ 50 ส.ส.
ทรมานคนป่วยเสียจริ๊งงง .. เห็นสภาพ“ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม “แบกสังขาร”มาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ เมื่อวานแล้วก็อกห่วงไม่ได้ ทุกย่างก้าวเป็นไปแบบ“สโลว์โมชั่น”พูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำเหมือนเคย .. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะถูกขอให้พักที่กระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่หักหาญน้ำใจมาก แค่ลดภาระรมว.กลาโหม ให้เหลือรองนายกฯ เพียงตำแหน่งเดียว ..
เมื่อถามกับเจ้าตัว ก็ได้แต่โบยมือหยอยๆ พูดเสียงแผ่วๆ ว่า “สื่อคิดเอง ถามเอง”อากัปอาการ ดูโรยราไม่น่าเกรงขามเฉกเช่น“พี่ใหญ่ คสช.”คนเดิม .. มีข่าวว่าช่วงนี้ “ป๋าป้อม”แจกจ่ายงานให้ทีมงาน และ“บิ๊กโด่ง”พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ดูแลจนเกือบหมดมือ .. ว่ากันว่าเหตุผลที่ยังต้องเชิด“ป๋าป้อม” ให้อยู่ในรัฐบาลต่อ ก็เพื่อเป็น“สัญลักษณ์”ว่าเป็นแกนหลักของ“องคาพยพ คสช.”หรือเป็นเรื่องเสถียรภาพของคสช. .. ที่น่าเป็นห่วง ก็เรื่องานความมั่นคงที่“บิ๊กป้อม” เป็นผู้ดแล หลังๆ ออกลูกสะเปะสะปะ อย่างระเบิด 3 จุดในกทม. “กองสลากเก่า-โรงละครแห่งชาติ - รพ.พระมงกุฎฯ”ก็แทบไร้ความคืบหน้า .. หรือการไปล้มโต๊ะ “กลุ่ม 50 ส.ส.”เมื่อวันก่อน ใครดูก็รู้ว่า“บิ๊ก คสช.”คงไม่อยากให้เป็นตัวอย่างให้นักการเมืองกลุ่มอื่นเลียนแบบ ก็ต้องหาทางให้เลิก ทั้งที่ดูยังไงๆ มันก็แค่นัด “กินโต๊ะแชร์” .. แต่นี่ “พี่ตำรวจ”ไม่รู้คิดยังไง ไปอ้างว่ามี“วัตถุต้องสงสัย”ในโรงแรม เอาเรื่องระเบิดที่ละเอียดอ่อน มาล้อเล่นแบบนี้ ทิ่มเข้าไปที่จุดอ่อนของรัฐบาล คสช. ที่คลี่คลายเรื่องระเบิดป่วนเมืองไม่ได้เลย .. ไม่รู้ว่าผ่านการกลั่นกรองของ“ท่านรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง”หรือเปล่า
“ลุงกำนัน”กลัวตกขบวน รีบออกมาตอบ 4 คำถามลุงตู่
เงียบกริ๊บบ .. บรรยากาศวันแรกการเปิดรับฟังคำตอบ“4 คำถามลุงตู่”ที่ทางศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย รับมาเป็นเจ้าภาพ ในการเปิดจุดรับฟังคำตอบทั่วประเทศ .. ผู้เกี่ยวข้องรีบออกตัว สงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพ แค่วันแรกยังตัดสินไม่ได้ การประชาสัมพันธ์อาจไม่ทั่วถึง .. ใครตอบไม่ตอบ ไม่รู้ “ลุงกำนัน”สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ถือฤกษ์วันแรก โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ตอบ 4 คำถาม ที่น่าจะ ตรงใจ“บิ๊ก คสช.” ทั้งที่บอกว่า“ถ้าเลือกตั้งแล้วรัฐบาลไม่มีธรรมาภิบาล ก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง”หรือ “นักการเมืองที่ทุจริต ไม่เคารพกฎหมาย ต้องไม่ได้รับโอกาสเข้ามามีอำนาจหน้าที่ในทางการเมืองอีก”ตอบราวกับนั่งอยู่ในใจ“ลุงตู่”ยังไง ยังงั้นเลย
เด้ง ผบช.ภ.8 เซ่นเซ็งลี้ เก้าอี้ ตร.
ไหนว่าไม่มี๊..ไม่มี "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า ย้ายฟ้าผ่า พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการภาค 8 ออกจากตำแหน่ง .. เหมือนสารภาพบาป กรณีที่ วิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. เพิ่งออกมาแฉว่า การโยกย้ายข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ และสารวัตร ราคา "นักวิ่ง" ทะลุไปถึง 5 ล้าน 7 ล้าน ระดับสารวัตรยังตก 2 ล้าน .. ร้ายกว่านั้น "ตำรวจนักวิ่ง" ส่วนใหญ่ยังถูกหลอกเสียเงินฟรี แต่ไม่ได้ตำแหน่งอีกต่างหาก แถมแจ้งความไม่ได้ด้วย 555 ..
แม้ "วิทยา" จะไม่ได้ระบุชัดว่าแห่งหนตำบลใด แต่ด้วยพื้นเพฐานเสียงเป็นส.ส.เมืองคอน.. นครศรีธรรมราชมานาน หวยก็เลยออกไปก่อนที่ "ภาค 8" ส่วนภาคอื่นๆ ที่เละเทะไม่แพ้กัน ว่าจะถูกหวยเหมือนเพื่อนรึป่าว .. แต่ที่แหกไปก่อนใคร ก็ "ป๋าป้อม" รองนายกฯ กำกับ สตช. ที่เพิ่งทำเสียงเข้ม บอกยุคนี้ไม่มีซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ไม่ทันไร "ผบ.แป๊ะ" ก็ล่อซะแล้ว .
โอ้โฮเฮะ “หน่วยงานรัฐ-กองทัพ”ค้างค่าไฟ 6 พันล้าน “นายกฯตู่”สั่งเคลียร์หนี้ให้หมดใน 3 เดือน “กลาโหม”ส่อชักดาบ
ควันหลงการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาทเมื่อวันก่อน มีช่วงหนึ่ง“นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้ “หน่วยงานราชการ”ที่ค้างค่าน้ำ-ค่าไฟ รวมๆกันแล้วเป็นเงิน 6 พันล้านบาท ไปเคลียร์หนี้ จ่ายให้หมดภายใน 3 เดือน .. ค่าน้ำน่ะจิ๊บๆ รวมๆ แค่ 1 ร้อยล้าน แต่ค่าไฟนี่ซิ มหาศาล ไฟฟ้านครหลวงเจอเซ็นต์อยู่ 2 พันล้านบาท ไฟฟ้าภูมิภาคหนักสุด 4 พันล้านบาท นี่ยังไม่รวมค่าโทรศัพท์ของ“ทีโอที”อีกพันกว่าล้าน .. ฟังคำ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่พูดถึงเรื่องนี้ เหมือนไม่ยี่หระ ประมาณว่า ทั้งหน่วยงานรัฐ-กองทัพ ติดหนี้สาธารณูปโภคมานานเป็นสิบๆ ปี ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จนกระทั่งเกษียณก็ติดมาตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่า“งบประมาณที่ได้ไปแต่ละปีไม่เพียงพอ”
..เหลื่อมล้ำจริงๆ หน่วยงานรัฐค้างค่าไฟเป็นสิบๆ ปีได้ แต่ชาวบ้านค้างค่าไฟไม่กี่วัน ก็ไปตัดไฟแล้ว .. แล้วที่ว่างบประมาณไม่พอไปใช้หนี้เนี่ย ก็ไม่น่าจะฟังขึ้น ตั้งแต่คสช.เข้ามา งบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มขึ้นตลอด ตั้งแต่ปี 2558 ที่ 2.575 ล้านล้าน ปี 2559 ที่ 2.72 ล้านล้าน ปี 2560 ที่ 2.73 ล้านล้าน ปีหน้า 2561 ตั้งไว้เป็นประวัติการณ์ ที่ 2.99 ล้านล้าน .. เอาเฉพาะกระทรวงกลาโหม ก็ได้ เพิ่มทุกปี ปีนี้ก็เพิ่มจากปีก่อน 4.16% เฉียดๆ 1 หมื่นล้าน ไม่น่าจะยากเย็น เหนียวหนี้ .. ยิ่งฟัง “บิ๊กโด่ง”พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ชี้แจงก็แทบจะหงายตึง บอกหลายปีที่ผ่านมา ก.กลาโหม ได้รับงบประมาณค่อนข้างน้อย ได้มาก็ต้องไปจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทดแทนของเก่าที่หมดอายุ .. แบบนี้“เจ้าหนี้”ที่ไหนจะกล้าไปทวงละครับท่าน
สยองซ้ำซาก“อิตาเลียนไทย”เจ้าเก่า ภาครัฐต้องเอาจริง ก่อนจะมี“รถไฟสายมรณะ”อีก
ถัดจาก“ตำรวจไทย”ก็คงเป็น “อิตาเลียนไทย”ยักษ์ใหญ่รับเหมาก่อสร้างเมืองไทยละมั้ง ที่ฟอร์มพีค สร้างประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ได้ไม่เว้นแต่ละเดือน .. ล่าสุดก็เป็นคราวเคราะห์ของ “หนุ่มนักบิน”ที่หวิดสิ้นชื่อ เจอแจ็กพอตเหล็กฉากจากไซต์งานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง ย่านบางเขน หล่นใส่หลังคากระแทกทะลุกระจก ฝั่งคนขับ กระจกหน้าแตก หลังคายุบ .. เดชะบุญที่ทะลุมาไม่ถึงตัว “หนุ่มนักบิน”เลยได้มีโอกาสไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ .. ย้อนกลับไปปลายเดือนก่อน 28 เม.ย.60 ก็เกิดเหตุสยอง เครนหล่นทับคนงานเสียชีวิตไป 3 ราย ในไซต์งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของ“อิตาเลียนไทย”เหมือนกัน หนนั้นก็มีคำสั่งพักงาน ก่อนตัดตอนความผิดว่า วิศวกรคุมงานประมาท แล้วก็กลับมาก่อสร้างต่อ ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องเหมือนเดิมจนได้ .. ย้อนไปอีกนิด
มี.ค.60 ก็เกิดเหตุระทึกคานเหล็กหนักราว 1 ตัน ของโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว บน ถ.พหลโยธิน ฝั่งขาเข้า ใกล้แยกรัชโยธิน ร่วงทับเก๋งพังยับเยิน เคราะห์ดี“สาวเจ้าของรถ”รอดปาฏิหาริย์ โครงการก็อยู่ในความรับผิดชอบของ“อิตาเลียนไทย”เจ้าเก่านั่นแหละ
ปกติเรื่องพรรค์นี้มักจะมีจังหวะให้เรื่องซาๆ เงียบไปกับสายลม แต่ปี 2560 เป็นปีทองของ“อิตาเลียนไทย”กระมัง จัดคอมโบใหญ่ ซ้ำซากให้เห็นทุกเดือน .. มีข้อมูลเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีแดงของ“อิตาเลียนไทย”เส้นเดียว เกิดเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 8 ราย อันนี้พูดถึงเฉพาะที่เป็นข่าวอะนะ ที่เงียบๆ เชียบๆ มีรึป่าวอันนี้ไม่รู้ .. ถามว่า“หน่วยงานรัฐ”ในฐานะ “ผู้ว่าจ้าง”มีหือ มีอือ อะไรไหม ก็เปล่าเลย เวลาเกิดเรื่องก็เห็น กระทรวงคมนาคม แตะมือการ รถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ดูแลสายสีแดง หรือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ดูแลสายสีเขียว ออกมาขู่ฟ่อ ทั้งขึ้นบัญชีดำ-แบล็กลิสต์มั่ง ยกเลิกสัญญามั่ง บอกจะมีมาตรการ“ล้อมคอก”มั่ง พอเผลอๆ เรื่องเงียบหน่อย ก็กลับมาทำงานกันโครมๆ เหมือนเดิม .. จริงอยู่ฝ่ายรัฐคงไม่อยากไปเอาเรื่อง “อิตาเลียนไทย”ให้เสียเวลา ก็เท่าที่เป็นอยู่ มันก็ล่าช้ากว่าแผนการอยู่แล้ว .. แต่การที่ทำมึน ไม่รู้ไม่ชี้ ยังปล่อยให้บริษัทที่มีผลงานด้านความปลอดภัยห่วยแตกแบบนี้เข้าประมูล-ได้งานรัฐเรื่อยๆ ที่อยู่ในมือตอนนี้ก็ 5 โครงการ 6 หมื่นล้าน แลกมากับความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินทั้งของคนงานเอง แล้วก็ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ .. ฝากกระทุ้งแรงๆไปถึง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม อานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ว่าฯร.ฟ.ท. รวมทั้ง พีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าฯรฟม.เสียหน่อยว่า อย่าดีแต่ขู่ ต้องลงดาบกันจริงๆ จังๆเสียแล้ว .. ปล่อยไว้คงกลายเป็น“ทางรถไฟสายมรณะ”แข่งกับเจ้าของเดิมที่เมืองกาญจน์แน่ๆ .
ช.ชฎา
