xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” โชว์แก้ปัญหาข้าว 3 ปี คสช. แก้ปมจำนำ ระบายสต๊อกเกือบหมด ขายจีทูจีพุ่ง ทวงแชมป์ฮ่องกง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” โชว์ผลงานแก้ไขปัญหาข้าวยุค คสช.3 ปี สามารถช่วยแก้ปัญหาจำนำข้าว ดูแลชาวนาขายข้าวได้คุ้มต้นทุน ระบายสต๊อกได้เกือบหมด ขายข้าวจีทูจีได้กว่า 3.46 ล้านตัน มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท แถมทวงแชมป์ตลาดข้าวฮ่องกงกลับคืนมาได้ มั่นใจจากนี้ไปชาวนามีรายได้ดีขึ้น หลังตลาดข้าวเป็นขาขึ้น

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สรุปผลการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาข้าวในช่วง 3 ปีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศ โดยสามารถแก้ไขปัญหาที่ตกค้างมาจากโครงการรับจำนำข้าว เริ่มจากการเร่งจ่ายเงินให้แก่ชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาทภายใน 1 เดือน จากนั้นได้วางระบบการดูแลราคาข้าวเปลือกใหม่ผ่านโครงการต่างๆ ทั้งโครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ส่งผลให้ราคาตลาดข้าวในประเทศมีเสถียรภาพ มีผลกระทบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ

“ตอนที่รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหา แม้ว่าเกษตรกรจะได้รับราคาลดลง แต่รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่บิดเบือนกลไกตลาด โดยดูแลด้านต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรรายละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือ 10,000 บาท ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ครัวเรือนละไม่เกิน 12,000 บาท และยังมีการดูแลให้ความเป็นธรรมในการจำหน่ายผลผลิตเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสม โดยเฉพาะการกำกับดูแลให้มีการตรวจสอบการชั่งน้ำหนัก การหักลดความชื้นและสิ่งเจือปนในการจำหน่ายข้าวของเกษตรกรเป็นประจำทั่วประเทศ”

นางอภิรดีกล่าวว่า ในด้านการระบายสต๊อกข้าวที่เป็นภาระตกค้างมากว่า 18 ล้านตัน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 - 5 มิ.ย. 2560 กระทรวงพาณิชย์สามารถระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้ปริมาณ 13.89 ล้านตัน มูลค่า 129,825 ล้านบาท และคงเหลือข้าวที่จะระบายอีกกว่า 3 ล้านตัน โดยจะพิจารณาจากปัจจัยด้านสภาวะตลาด โอกาสที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวในตลาด และหากระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้หมดก็จะทำให้วงจรและกลไกตลาดข้าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ปัญหาสต๊อกข้าวของรัฐกดทับตลาดก็จะหมดลงอันจะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกดีขึ้นและทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มมากขึ้น

ส่วนการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับรัฐบาล 3 ประเทศผู้ซื้อหลัก ปริมาณรวม 3.46 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 50,510 ล้านบาท ได้แก่ จีน 1.9 ล้านตัน อินโดนีเซีย 6.55 แสนตัน และฟิลิปปินส์ 9 แสนตัน โดยได้ส่งมอบเสร็จสิ้นแล้ว ยกเว้นสัญญากับจีนในปี 2558 ปริมาณ 1 ล้านตัน ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างส่งมอบข้าวงวดที่ 4 ยังคงเหลือข้าวปริมาณ 6 แสนตันที่จะต้องดำเนินการส่งมอบให้เสร็จสิ้นต่อไป ขณะที่การขายข้าวในรูปแบบเอกชนต่อเอกชนก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีผลงานสำคัญ คือ สามารถร่วมกับภาคเอกชนทวงแชมป์ตลาดข้าวในฮ่องกงกลับคืนมาได้ หลังเสียให้กับเวียดนาม โดยในปี 2559 ฮ่องกงนำเข้าข้าวจากไทยเป็นอันดับ 1 ปริมาณ 3.3 แสนตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 และในปี 2560 (ม.ค.-เม.ย.) ฮ่องกงนำเข้าข้าวจากไทยปริมาณ 73,376 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่มีปริมาณ 67,657 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67

นอกจากนี้ ปัจจุบันมีสัญญาณการสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้นทั้งจากอิรัก และอิหร่าน ที่เคยมีปัญหาลดการนำเข้าเพราะปัญหาคุณภาพ แต่ปัจจุบันนำเข้าหลายแสนตัน ตลาดบังกลาเทศ และศรีลังกา ต้องการนำเข้าข้าวจำนวนมาก และฟิลิปปินส์โดยหน่วยงาน NFA ได้ประกาศจะเปิดประมูลนำเข้าข้าวปริมาณ 250,000 ตัน โดยรัฐบาลไทยจะเข้าร่วมประมูลขายข้าวแบบจีทูจี

“การดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ในช่วงรัฐบาล คสช.ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถือว่าได้มาถูกทาง เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมีความเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยเฉพาะแนวโน้มสถานการณ์จากนี้จะเป็นช่วงขาขึ้นของราคาข้าว ตลาดเป็นของผู้ขาย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นผลดีสะท้อนกลับไปสู่พี่น้องชาวนาไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น” นางอภิรดีกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น