บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET ได้รับรางวัลบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2560 (Best Securities Company of the Year 2017) จากวราสารการเงินการธนาคาร จากบรฺษัทหลักทรัพย์ทั้ง 41 แห่ง ด้วยผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2559 มีรายได้รวมสูงสุดในกลุ่มธุรกิจหลักทรพัย์ ที่ 3,671.40 ล้านบาท กำไรสุทธิ 974.49 ล้านบาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) สูงเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 8.15% และในช่วงต้นปี 2560 จนถึงวันที่ 20 ม.ค. อยู่ที่ 8.80% ฐานลูกค้าที่เปิดบัญชีประมาณ 192,000 บัญชี โดยสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 26% ปัจจุบัน นักลงทุนมีสัดส่วนการเทรดผ่านผู้แนะนำการลงทุน (IC) และเทรดผ่านระบบออนไลน์อย่างละครึ่ง ซึ่งคาดว่า ลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็นด้านโบรกเกอร์ 71% ดอกเบี้ยรับ 24% และอื่นๆ อีก 5%
ส่วนธุรกิจตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีปริมาณการซื้อขาย จำนวน 6,374,562 สัญญา มีสัดส่วนการซื้อขายอยู่ที่ 4.58% ของปริมาณการซื้อขายล่วงหน้าโดยรวม นอกจากนี้ เรายังดูแลสินทรัพย์ของลูกค้ามูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ปัจจุบัน เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีสาขาในปี 2560 ทั้งหมด 59 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพ 36 สาขา และต่างจังหวัด 23 สาขา
ด้านธุรกิจตราสารหนี้ ปี 2559 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ได้ออกตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ และรองรับความต้องการเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ มูลค่ารวม 19,030 ล้านบาท และมีอายุตั๋วแลกเงินไม่เกิน 270 วัน
สำหรับปี 2560 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มุ่งหวังขยายฐานนักลงทุนเพิ่มอีก 25,000 บัญชี ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ไว้ที่ 9-10% และคาดหวังรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมรักษาแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยกลยุทธ์สำคัญที่จะเข้ามาสร้างรายได้ของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ บุคลากร และทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพโดยบริษัทฯ พร้อมดูแลพนักงานอย่างดีที่สุด อีกทั้ง ยังมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ควบคู่กับการเน้นรักษามาตรฐานการให้บริการที่ยอดเยี่ยม ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับ
โดยเป้าหมายหลักในการขายทางธุรกิจที่บริษัทฯ จะให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในปีนี้ คือ ธุรกิจออนไลน์ บิสสิเนส เพราะเราเชื่อว่า โลกแห่งอนาคตจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคออนไลน์ดิจิตอลมากขึ้น จึงเตรียมงบประมาณลงทุนด้านระบบไอที กว่า 590 ล้านบาท เพื่อยกระดับการให้บริการฟินเทค (Financial Technology) ด้วยการเน้นทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง การปรับภาพลักษณ์องค์กรให้ดูทันสมัย การเพิ่มสินค้าและบริการ โดยทำการตลาดบนพื้นฐานของเทคโนโลยียุคใหม่ นำเสนอด้วยโซเชียลมีเดียที่จะมาพร้อมกันทุกแพลตฟอร์ม รองรับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ พีซี , โน้ตบุ๊ค , ไอแมค , แมคบุ๊ค และสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว
เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวบริการ “Maybank Kim Eng LINE Trading” กับการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้น บนหน้าจอสมาร์ทโฟน ผ่านโปรแกรม LINE และที่กำลังจะมีตามมาในอนาคตคือ บริการ “Personalized” คือ บริการส่งข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้กับลูกค้า ที่ประมวลผลจากความสนใจของตัวลูกค้าเอง ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด และแคมเปญ “Tiger Points” แลกแต้มเพื่อแลกตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชมการแข่งขัน ฟอร์มูล่าวัน ประเทศสิงคโปร์ อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ซื้อขายต่างประเทศ หรือ Offshore Trading ก็จะเดินหน้าให้ความรู้ และขยายฐานนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือ และเครือข่ายด้านการลงทุนของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กรุ๊ป ขยายการให้บริการเทรดหุ้นในตลาดต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย
พร้อมกันนี้ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ยังได้รับรางวัลจาก อัลฟ่าเซาธ์อีสท์เอเชีย (Alpha Southeast Asia) ถึง 2 รางวัล ได้แก่ โบรกเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ด้านลูกค้าบุคคล (2550-2559) และโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ด้านลูกค้าสถาบัน (2550-2559) อีกด้วย
รางวัลโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมในเซาท์อีสต์เอเชีย ประจำปี 2558- 2560
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) สูงเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 8.15% และในช่วงต้นปี 2560 จนถึงวันที่ 20 ม.ค. อยู่ที่ 8.80% ฐานลูกค้าที่เปิดบัญชีประมาณ 192,000 บัญชี โดยสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 26% ปัจจุบัน นักลงทุนมีสัดส่วนการเทรดผ่านผู้แนะนำการลงทุน (IC) และเทรดผ่านระบบออนไลน์อย่างละครึ่ง ซึ่งคาดว่า ลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็นด้านโบรกเกอร์ 71% ดอกเบี้ยรับ 24% และอื่นๆ อีก 5%
ส่วนธุรกิจตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีปริมาณการซื้อขาย จำนวน 6,374,562 สัญญา มีสัดส่วนการซื้อขายอยู่ที่ 4.58% ของปริมาณการซื้อขายล่วงหน้าโดยรวม นอกจากนี้ เรายังดูแลสินทรัพย์ของลูกค้ามูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ปัจจุบัน เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีสาขาในปี 2560 ทั้งหมด 59 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพ 36 สาขา และต่างจังหวัด 23 สาขา
ด้านธุรกิจตราสารหนี้ ปี 2559 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ได้ออกตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ และรองรับความต้องการเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ มูลค่ารวม 19,030 ล้านบาท และมีอายุตั๋วแลกเงินไม่เกิน 270 วัน
สำหรับปี 2560 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มุ่งหวังขยายฐานนักลงทุนเพิ่มอีก 25,000 บัญชี ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ไว้ที่ 9-10% และคาดหวังรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมรักษาแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยกลยุทธ์สำคัญที่จะเข้ามาสร้างรายได้ของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ บุคลากร และทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพโดยบริษัทฯ พร้อมดูแลพนักงานอย่างดีที่สุด อีกทั้ง ยังมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ควบคู่กับการเน้นรักษามาตรฐานการให้บริการที่ยอดเยี่ยม ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับ
โดยเป้าหมายหลักในการขายทางธุรกิจที่บริษัทฯ จะให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในปีนี้ คือ ธุรกิจออนไลน์ บิสสิเนส เพราะเราเชื่อว่า โลกแห่งอนาคตจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคออนไลน์ดิจิตอลมากขึ้น จึงเตรียมงบประมาณลงทุนด้านระบบไอที กว่า 590 ล้านบาท เพื่อยกระดับการให้บริการฟินเทค (Financial Technology) ด้วยการเน้นทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง การปรับภาพลักษณ์องค์กรให้ดูทันสมัย การเพิ่มสินค้าและบริการ โดยทำการตลาดบนพื้นฐานของเทคโนโลยียุคใหม่ นำเสนอด้วยโซเชียลมีเดียที่จะมาพร้อมกันทุกแพลตฟอร์ม รองรับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ พีซี , โน้ตบุ๊ค , ไอแมค , แมคบุ๊ค และสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว
เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวบริการ “Maybank Kim Eng LINE Trading” กับการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้น บนหน้าจอสมาร์ทโฟน ผ่านโปรแกรม LINE และที่กำลังจะมีตามมาในอนาคตคือ บริการ “Personalized” คือ บริการส่งข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้กับลูกค้า ที่ประมวลผลจากความสนใจของตัวลูกค้าเอง ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด และแคมเปญ “Tiger Points” แลกแต้มเพื่อแลกตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชมการแข่งขัน ฟอร์มูล่าวัน ประเทศสิงคโปร์ อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ซื้อขายต่างประเทศ หรือ Offshore Trading ก็จะเดินหน้าให้ความรู้ และขยายฐานนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือ และเครือข่ายด้านการลงทุนของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กรุ๊ป ขยายการให้บริการเทรดหุ้นในตลาดต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย
พร้อมกันนี้ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ยังได้รับรางวัลจาก อัลฟ่าเซาธ์อีสท์เอเชีย (Alpha Southeast Asia) ถึง 2 รางวัล ได้แก่ โบรกเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ด้านลูกค้าบุคคล (2550-2559) และโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ด้านลูกค้าสถาบัน (2550-2559) อีกด้วย
รางวัลโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมในเซาท์อีสต์เอเชีย ประจำปี 2558- 2560