กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ต่อยอดการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ร่วมกับสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ จัดโครงการ “ทุนพอเพียง” รับสมัครบุคคลสัญชาติไทย มีที่ดินและพร้อมปรับพื้นที่ภายในปี 2560 ร่วมโครงการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวท้องถิ่น 3 สายพันธุ์ ภายใต้เงินทุนสนับสนุน 5 แสนบาท
นายปราโมทย์ สันติวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 40 ปีในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง (พ.ศ. 2520-2560) คณะผู้บริหารกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ได้น้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจจวบจนปัจจุบัน จึงร่วมกับสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ จัดทำ โครงการ “ทุนพอเพียง” เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้ศึกษา เรียนรู้ และพัฒนาวิถีชีวิตตาม “ศาสตร์พระราชา” รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีศักยภาพและความตั้งใจจริงให้ได้รับทุนสนับสนุนการเริ่มต้น หรือต่อยอดการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การแบ่งปันความรู้ หรือภูมิปัญญาแก่ผู้อื่นต่อไป
โครงการฯ ดังกล่าวจะเน้นให้ความสำคัญในเรื่องการปลูกข้าวซึ่งเป็นสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ทรงปลูกฝังให้คนไทยรักและหวงแหน เพื่อให้ข้าวไทยดำรงอยู่บนผืนแผ่นดินไทยอย่างยั่งยืน ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งของพระองค์ว่า
“...ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปีประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก...”
ในโครงการ “ทุนพอเพียง” คณะผู้บริหารจากกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ได้มอบเงินสนับสนุนเพื่อเปิดบัญชี “ทุนพอเพียง” จำนวน 4 แสนบาท และเงินสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จำนวน 1 แสนบาท
คณะกรรมการจากกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ จะร่วมพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเข้าร่วมโครงการ ระหว่างวันที่ 1-10 ก.ค. 60 เป็นจำนวน 60 คน ก่อนจัดการอบรมหลักสูตรพิเศษ ภาคทฤษฎี แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ในนาม “เครือข่ายทุนพอเพียง” ระหว่างวันที่ 4-6 ส.ค. 60
“หลังจบการอบรมภาคทฤษฎี เครือข่ายทุนพอเพียงและผู้เกี่ยวข้องจะร่วมพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุด จำนวน 3 ท่านจาก 3 พื้นที่ เพื่อเป็นโมเดลในบริหารจัดการพื้นที่ตามศาสตร์พระราชาในวันที่ 18-17 ก.ย. 60 และจะมีการจัดการอบรมภาคปฏิบัติในพื้นที่ตัวอย่างอีก 2 พื้นที่ ในวันที่ 30 ก.ย. - 1 ต.ค. 60 และ วันที่ 14-15 ต.ค. 60 ตามลำดับ ผู้รับการคัดเลือกจะได้รับเงินทุนจากกองทุนทุนพอเพียงตามความเหมาะสม ภายใต้การกำกับดูแลของกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ” นายปราโมทย์กล่าวเสริม
ด้าน “อาจารย์ยักษ์” ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า โครงการ “ทุนพอเพียง” โดยกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่มีภาคเอกชนให้ความสำคัญและเล็งเห็นถึงความยั่งยืนในการดำเนินตาม “ศาสตร์พระราชา” และยังทำให้ประชาชนที่มีความสนใจและตั้งใจจริง ในการนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาที่ดินของตน แต่ยังขาดการสนับสนุนให้สามารถดำเนินตามรอยพ่อได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
สำหรับรูปแบบของโครงการฯ จะมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมมีความเข้าใจ “ศาสตร์พระราชา” ว่าด้วยเรื่องหลักเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนได้ลงมือปฏิบัติในพื้นที่จริงซึ่งจะทำให้เห็นตัวอย่างของการนำ “ศาสตร์พระราชา” ไปปรับใช้ในที่ดินของตนและในชีวิตประจำวัน โดยทุนพอเพียงที่จะเกิดขึ้นจากโครงการนี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ทุนความรู้ จากการจัดอบรมหลักสูตรพิเศษทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 60 คน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. ทุนเครือข่าย หมายถึงผู้ร่วมโครงการฯ ทั้ง 60 คน จะถูกจัดตั้งเป็น “เครือข่ายทุนพอเพียง” โดยสมาชิกเครือข่ายฯ จะร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์จากด้านการจัดการที่ดินของแต่ละคน ตลอดจนร่วมลงพื้นที่พัฒนาที่ดินตัวอย่างเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน
3. ทุนเงิน โดยสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ จะดำเนินการเปิดบัญชี “ทุนพอเพียงโดยกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง” เพื่อสนับสนุนทุนตามความเหมาะสมแก่สมาชิกเครือข่ายฯ ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพื้นที่ตัวอย่าง จำนวน 3 ทุน สำหรับนำไปพัฒนาพื้นที่ของตนตามความรู้ที่ได้รับจากโครงการฯ โดยจะได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายทุนพอเพียง สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง
โครงการ “ทุนพอเพียง” จึงเปิดโอกาสให้ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ โดยต้องมีสัญชาติไทย มีที่ดินและพร้อมปรับพื้นที่ภายในปี 2560 มีความสนใจอนุรักษ์พันธุ์ข้าวท้องถิ่นอย่างน้อย 3 สายพันธุ์ และผ่านการอบรมหลักสูตรการพัฒนากสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงจากเครือข่ายมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ โดยแนบหลักฐานการสมัครดังนี้
(1. สำเนาบัตรประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ฉบับ (2. ภาพถ่าย และแผนผังที่ดินที่พร้อมปรับพื้นที่ ภายในปี 2560 (3. สำเนาวุฒิบัตรการอบรม หลักสูตรการพัฒนากสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงจากเครือข่ายมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ (4. เอกสารนำเสนอแนวคิดและแรงบันดาลใจในการสืบสานศาสตร์พระราชา พร้อมแผนงานปรับปรุงพื้นที่ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยต้องจัดสรรพื้นที่ปลูกพันธุ์ข้าวท้องถิ่นอย่างน้อย 3 สายพันธุ์ (5. ระบุระยะเวลาที่เห็นผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อตนเอง ชุมชนรอบข้าง และสังคมอย่างเป็นรูปธรรมจากการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ
ผู้สนใจส่งหลักฐานการสมัครมาที่ บริษัท น้ำมันบริโภคไทย จำกัด ระบุหน้าซองว่า “สมัครโครงการทุนพอเพียง” ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 60 พร้อมแจ้งหลักฐานการส่งไปรษณีย์ที่ Kewalee.suk@KingRiceOilGroup.com รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก King Health Society