xs
xsm
sm
md
lg

“พีมาร์ท” โหมตลาดจีน ทุ่ม 1 พันล้านใช้หุ่นยนต์-ขยายคลังสินค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายประกร มหากิจโภคิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 - ผู้นำด้านอาหารแช่แข็งรายใหญ่หวังรายได้ 6 พันล้านบาท พร้อมแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมแผนลงทุนปี 60 ทุ่มงบฯ 1 พันล้านบาทขยายคลังสินค้าเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ 5 หมื่นตัน นำหุ่นยนต์ใช้ทดแทนแรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตวันละ 1 ล้านกิโลกรัม รับแผนส่งออกใน 3 ปีมุ่งเป้าจีนตลาดใหญ่

นายประกร มหากิจโภคิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด หรือ P-MART ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารแช่แข็งและอาหารสดครบวงจร ทั้งเนื้อหมู วัว ไก่ และอาหารทะเลทุกชนิด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดอาหารแช่แข็งมีมูลค่ารวมประมาณ 1 แสนล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอาหารสะอาดและมีคุณภาพ รวมถึงความสะดวกรวดเร็วในการปรุงก่อนบริโภค

ในส่วนของบริษัทฯ มีสินค้ามากกว่า 1 พันเอสเคยู ผลิตโดยบริษัทในเครือคือ บริษัท พี ซี ฟู้ด เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งมีแผนขยายกำลังการผลิตเป็นวันละ 1 ล้านกิโลกรัมภายใน 3 ปี ตามเป้าหมายส่งออกไปยังประเทศจีนวันละ 5 แสนกิโลกรัม พร้อมกันนั้นยังมีแผนเพิ่มไลน์การผลิตอาหารพร้อมรับประทาน หรือ RTE ภายใน 3 ปีด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบัน บริษัท พี ซี ฟู้ด เซ็นเตอร์ จำกัด มีรายได้ปีละประมาณ 2 พันล้านบาท คิดเป็นการจำหน่ายให้ P-Mart 1.2 พันล้านบาท จำหน่ายให้ฟูดเซอร์วิส 400 ล้านบาท และส่งออก 400 ล้านบาท

สำหรับปี 2560 บริษัทฯ เตรียมแผนลงทุน 1 พันล้านบาทในการขยายคลังสินค้าที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี บนพื้นที่ 1 หมื่นตารางเมตร คิดเป็นพื้นที่จัดเก็บสินค้าถึง 5 หมื่นตัน คิดเป็นการลงทุนด้านการก่อสร้าง 700 ล้านบาท และการพัฒนาเครื่องจักร 300 ล้านบาทในการนำหุ่นยนต์มาใช้ทดแทนแรงเพื่อรองรับนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ภายใน 3 ปี

นายประกรกล่าวด้วยว่า นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทด้วยจำนวนเงิน 500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 57 ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 22 แห่งทั่วประเทศ โดยพื้นที่ของสาขาทั้งหมดมี 3 ขนาด คือ ขนาดใหญ่ 2-3 พันตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 50-100 ล้านบาท ขนาดกลางพื้นที่ 1-2 พันตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 30-50 ล้านบาท และขนาดเล็กพื้นที่น้อยกว่า 1 พันตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 20 ล้านบาท

“ในปี 2560 บริษัทฯ มีแผนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 30 แห่ง พร้อมรายได้ 6 พันล้านบาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 60% เป็นลักษณะ B2B เช่น เจ้าของฟูดเชนและห้องเย็น ส่วนอีก 40% เป็นลักษณะ B2C ในกลุ่มโฮเรกาคือโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 40% คิดเป็นการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเออีซีประมาณ 5-10% โดยมีเป้าหมายขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นให้มีสัดส่วนเป็น 50:50 ภายใน 3 ปี”



กำลังโหลดความคิดเห็น