xs
xsm
sm
md
lg

คลี่แผนที่-เปิดวาร์ปความคืบหน้า “ตลาด/ร้านค้าชุมชน-ธงฟ้าประชารัฐถาวร-หนูณิชย์ติดดาว-ตลาดต้องชม” โดย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ [คำต่อคำ]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กลไกตลาดและเศรษฐกิจฐานราก” ในงาน Local Economy 4.0 กระทรวงพาณิชย์ สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจท้องถิ่น ณ อิมแพค เอ็กซิบิชั่นเซ็นเตอร์ เมืองทองธานี โดยมีรายละเอียดแบบคำต่อคำดังนี้

เศรษฐกิจไม่ดี ทำยังไงให้ขายของได้?

“ภายใต้นโยบายของท่านรองนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ วันนี้กระทรวงพาณิชย์ลุกขึ้นมาแล้ว กระทรวงพาณิชย์กำลังจะแก้ 3-4 สิ่ง ที่คนข้างล่างไม่มีสิทธิ์สู้เลย จะสู้ยังไง

วันนี้เหลือเวลาเพียงปีเดียวของรัฐบาลนี้ สิ่งที่ผมพูดถึงข้อจำกัด พวกเรา กระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือกับผู้นำของท่านเองนั่นล่ะ ได้ทำสิ่งที่เป็นความคิดไปสู่ภาคปฏิบัติ ถ้าจะแก้สิ่งเหล่านั้นได้เราต้องขายของได้ ใช่ไหมครับ ถ้าเราผลิตอะไรแล้วเราขายของไม่ได้ เราไม่มีสิทธิหรอกครับที่เศรษฐกิจข้างล่างจะดี

‘ขายของได้’ แปลว่า มันต้องมีที่ขายของ เพราะถ้ามีที่ขายของมันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ความจนมันจะเริ่มหยุด เราจะหยุดความจนของพี่น้องข้างล่างได้อย่างไร จะเอาเงินไปให้กู้ ถ้ากู้แล้วไปผลิต มันขายไม่ได้ เราโดนสองเด้ง หนี้เดิม บวกหนี้ใหม่ แต่ถ้าเราผลิตอะไรก็ตามที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้วมันเริ่มขายได้ นั่นล่ะคือจุดเริ่มของวิถีของเศรษฐกิจฐานรากที่จะหยุดความจนของเรา และนั่นคือที่มาที่ผมมาพูดกับทุกท่านในห้องนี้ ในวันนี้ คือ เรื่องของตลาด กลไกตลาดกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก

ทุกท่านเห็นตรงกันไหมครับว่า ถ้าอะไรที่ท่านผลิตอยู่ จะปลูก จะเลี้ยง จะเป็นปศุสัตว์ จะเป็นโอทอป จะเป็นหัตถกรรม จะเป็นขนมนมเนย ถ้าวันนี้ผลิตแล้วขายได้ ผลิตแล้วมีที่ขาย เราจะเริ่มดีขึ้น ใช่ไหมครับ สิ่งที่ท่านอยากเห็น อยากเป็น วันนี้ผมมีคำตอบ และผมต้องการมาปลุกเร้าทุกท่านให้ร่วมกันจับมือ เพราะนี่คือเส้นทาง แสงสว่างที่เราเห็นข้างหน้า มันไม่ใช่แสงสว่างปลายอุโมงค์อีกต่อไป แต่มันเป็นแสงสว่างที่เราจะจับต้องมันให้ได้ภายใน 1 ปี จากนี้ไป

วันนี้ผมมีพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดเข้ามานั่งฟังอยู่ในที่นี้ พาณิชย์จังหวัดนี่ล่ะครับจะเป็นเครือข่ายที่จะช่วยขับดันกับพวกท่านถึงฝั่งพร้อมๆ กัน แล้วไปด้วยกัน

ผุด “ตลาด-ร้านค้าชุมชน” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

ถ้าเรามีตลาด ตลาดนั้นจะต้องไม่ยาก ตลาดนั้นจะต้องเป็นตลาดที่พี่น้องในชุมชนลุกขึ้นมาทำร่วมกัน ถ้าตลาดนั้นเป็นตลาดของคนอื่น เขาก็ไม่เอาสินค้าเราไปขาย ถ้าตลาดนั้นเป็นของเอกชน เขาก็ไม่เปิดโอาสให้เราทำ วันนี้ผมกำลังมาชวนพี่น้องที่เป็นฐานรากลุกขึ้นมาช่วยตัวเอง โดยทำตลาดด้วยตัวเอง กระทรวงพาณิชย์กำลังรุกหน้าทำตลาดอย่างนี้ โดยพี่น้องลุกขึ้นมาทำเอง เป็นแผนงานชัดเจน ขณะนี้เรากำลังจะเกิดตลาดที่เกิดโดยพี่น้องประชาชน ไม่ได้เกิดโดยใครเป็นคนไปตั้ง แต่เกิดโดยพวกเราเอง

เราจะมีร้านค้าชุมชน ร้านค้าชุมชนคือร้านที่อยู่ในหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน ของเดิมก็มีอยู่ มันโชวห่วยชุมชนอยู่ เป็นร้านขายของชำ ขายสารพัดอย่างอยู่ในหมู่บ้าน แต่วันนี้เรากำลังรวมความเข้มแข็งขึ้นมา มันจะเกิดร้านค้าชุมชนที่เป็นศูนย์รวมผลผลิตของพี่น้องในหมู่บ้านนั้น ผลิตอะไรก็มีโอกาสเอาขึ้นมาขาย ตอนนี้มีอยู่แล้ว 19,000 กว่าแห่ง ทำโดยใครครับ ทำโดยกองทุนหมู่บ้าน กองทุนหมู่บ้านทำเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วเกือบ 20,000 แห่ง แปลว่าจากหมู่บ้านทั้งหมดประมาณเกือบ 80,000 แห่ง วันนี้เรามีแล้วหนึ่งในสี่ 20,000 แห่งพอเลยครับ ถามว่าทำไม 20,000 แห่ง พอ 20,000 แห่ง พอเพราะว่าหมู่บ้านมันติดกัน

ผมลงพื้นที่กับท่าน ผอ.นที ไปเห็นมาหมดแล้ว ว่า 1 หมู่บ้านมันไม่ได้รองรับการซื้อขายแค่หมู่บ้านนั้น แต่เขามาจากหมู่บ้านอื่นก็มาซื้อ ถ้าของในร้านค้าชุมชนนั้นเขาอยากซื้อ ถ้าของในร้านค้าชุมชนนั้นเขาต้องมาซื้อ วันนี้กองทุนหมู่บ้านกับกระทรวงพาณิชย์จับมือกัน ผมพูดอยู่เสมอว่าถ้าเรามีตลาด เรามีร้านค้า แต่คนในชุมชน เอาแค่นี้ก่อน เริ่มต้นก่อน ยังไม่เอาคนนอกเข้ามา เราต้องเริ่มจากคนของเรา เอาใกล้ตัวก่อน ถ้าคนในชุมชนไม่เดินมาร้านค้าชุมชน ร้านค้าชุมชนมันจะอยู่ได้ไหมครับ เปิดไปเท่าไรมันก็อยู่ไม่ได้ ถามว่าทำไมคนในชุมชนต้องมาร้านค้าชุมชน เพราะร้านค้าชุมชนมันมีของที่คนในชุมชนเห็นว่ามาซื้อที่ร้านค้าชุมชนแล้วดีกว่าซื้อที่อื่น

แต่ก่อนเราคิดถึงเรื่องตลาด คิดถึงเรื่องของร้านค้า เราคิดถึงแต่การเปิดๆ เข้าไปให้มันมีจุดขาย ท่านไม่มีทางสู้ได้ ผมคุยกับท่าน ผอ.นที ร้านค้าชุมชนของท่านวันนี้จะสู้กับร้านค้าสะดวกซื้ออย่างไรที่อยู่ในหมู่บ้าน ที่อยู่ในตำบล ท่านจะสู้กับเขาอย่างไร ร้านค้าท่านก็ไม่ได้ติดแอร์ ร้านค้าท่านก็มีของเยอะสู้เขาไม่ได้ คนทั้งประเทศก็ไปซื้อร้านที่มันสะดวก มีของเยอะๆ ความจริงมันแพงหรือถูกก็ไม่รู้ แต่รู้ว่ามันสะดวก จะซื้อน้ำแข็ง จะซื้อบุหรี่ จะซื้อน้ำ เดี๋ยวนี้จะซื้อข้าวกล่อง ไม่ได้ซื้อจากแม่ค้าใกล้ๆ แล้ว ไปซื้อในร้าน ผมไม่ได้บอกว่าร้านค้าเขาไม่ดี แต่นั่นคือร้านค้าชุมชนสู้เขาไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เขาอยากจะเดินเข้ามา แล้วทำยังไงให้ร้านค้าชุมชนของพี่น้องเราเอง ที่เป็นเจ้าของโดยพี่น้องเราเอง มันเกิดขึ้นมาได้ มันก็ต้องทำร้านนี้ให้คนเขาอยากเดินเข้ามา ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ทำให้แล้วนะครับ

เรามีสินค้า สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก บะหมี่สำเร็จรูป กระดาษทิชชู มีหมดที่ต้องกินต้องใช้ประจำวันก่อน แค่เริ่มต้น เพิ่งเริ่มมาแค่ 2-3 เดือน มาหมดทุกยี่ห้อ ซันซิลก็มา บรีสก็มา โพรเท็กซ์ก็มา โอโมก็มา ใครก็มา กระทรวงพาณิชย์จับมือกับเขา แล้วบอกเขาว่าวันนี้เป็นวันประชารัฐ ที่อยากให้ยักษ์ใหญ่ ผู้ผลิตของโลกมาดูแล ช่วยเอาของที่ถูกมาขายพี่น้องชุมชนถึงชุมชนหน่อยสิ เขาก็ยินดี เพราะเขาก็อยากขายของตรงไปถึงพี่น้องประชาชน เพราะทุกวันนี้เขาขายผ่านห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เขาต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงเหลือเกิน ตอนนี้มาแล้วนะครับ ชื่อว่าสินค้าธงฟ้าประชารัฐ ธงฟ้านี่ทั้งประเทศรู้จัก ผมว่าคนรู้จักธงฟ้ามากกว่ารู้จักกระทรวงพาณิชย์อีกนะ ไปเซอร์เวย์ว่ารู้จักอะไรในกระทรวงพาณิชย์ บอกรู้จักธงฟ้า ธงฟ้านี่มันขวัญใจคนยากคนจนเลยนะ เวลาจะซื้อของถูกเมื่อไหร่ ร้องหาธงฟ้า ธงฟ้ามันดีครับ แต่ธงฟ้ามันไปทุกที่ทั่วประเทศไม่ได้ เพราะมันจัดได้เป็นครั้งๆ จัดครั้งละ 3 วัน 2 วัน มันจะจัดอยู่นานก็ไม่ได้ เพราะเราไม่มีงบประมาณไปทำได้ขนาดนั้น มันก็ไปช่วยพี่น้องประชาชนเป็นครั้งเป็นคราว แต่มันติดใจเหลือเกิน มันประทับใจเหลือเกิน อยากร้องหาแต่ธงฟ้า

ปัก “ธงฟ้าประชารัฐ” ถาวร หมื่นแห่งใกล้บ้าน

วันนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังทำธงฟ้าถาวร เป็นสินค้าราคาถูก อยู่ใกล้ๆ บ้านท่านเลย ไม่ต้องรอให้พาณิชย์จังหวัดไปจัด ไม่ต้องรอให้เมื่อไหร่กระทรวงพาณิชย์จะมา ไม่ต้องขอ ไปอยู่ในร้านค้าใกล้ๆ บ้านพี่น้องประชาชนเลย ชื่อธงฟ้าประชารัฐ เพราะธงฟ้าแปลว่าถูก ประชารัฐคือมันเกิดไม่ได้ถ้าคนผลิตเขาไม่เห็นแก่พี่น้องประชาชน ผมก็ไปคุยกับเขา เจรจากับเขา เขาก็ร่วมกับเรา ตอนนี้เริ่มออกไปแล้วนะครับ เริ่มทยอยออกไปแล้ว เพิ่งเริ่ม กำลังเริ่มปล่อยตัว สินค้าจะถูกกว่าท้องตลาด 15-20 เปอร์เซ็นต์ จะลงที่ไหน จะลงร้านค้าประชารัฐ จะลงตลาดต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไป

ถ้ามีสินค้าราคาถูกที่ต้องกินต้องใช้ คนในชุมชนถึงจะมาร้านค้าชุมชนใช่ไหมครับ เพราะอย่างแรกเขาต้องซื้อของกินของใช้ ต้องซื้อแชมพูไปสระผม ต้องซื้อสบู่ไปอาบน้ำ ต้องซื้อยาสีฟัน ต้องซื้อผ้าอนามัย เริ่มแล้วนะ แล้วเชื่อไหมครับเพิ่งเริ่มได้ไม่ถึง 2 เดือน กำลังเริ่มกระจาย ตอนนี้กระจายไปสัก 1,000 แห่ง ผมเพิ่งกดปุ่มไปเมื่อวันจันทร์ จับมือกับร้านค้าโชวห่วยทั่วประเทศ จะปล่อยให้ครบ 10,000 แห่ง ภายใน 2 เดือนนี้ แล้วเดี๋ยวจากตรงนั้นมันจะไหลไปสู่ร้านค้าชุมชน มันเกิดไม่ถึง 2 เดือน ท่านรู้ไหมครับว่าวันนี้มีผู้ผลิตอยากจะมาทำสินค้าธงฟ้าประชารัฐ ขายตรงไปหาพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ผ่านกลไกตลาดของกระทรวงพาณิชย์ที่กำลังทำ มาอีกเป็นร้อยๆ เจ้าเลยครับ เริ่มทำไปยังไม่ทันลงเลย หลายจังหวัด ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดขอมาแล้วครับ ขอข้าวสารธงฟ้าประชารัฐ อยากได้ข้าวถูกๆ จากกระทรวงพาณิชย์ไปลงขาย

ปลุกเศรษฐกิจฐานราก เงินหมุนเวียนในชุมชน

ที่ผมพูดมา แปลว่าเราจะเกิดตลาดขึ้นมา เราต้องเข้าใจว่าตลาดถ้ามันจะเกิดได้ มันต้องรู้ว่าทำไมมันถึงจะเกิด ถ้าร้านค้าประชารัฐ และอีกสารพัดตลาดที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไป มันมีแรงจูงใจที่คนเขาเข้ามาซื้อ เบื้องต้นก็มาก่อนแล้ว มาร้านค้าประชารัฐเกือบ 20,000 แห่ง เพราะจะมาดูซื้อของกินของใช้ จากนั้นของอะไรที่ในชุมชนเรามี เราก็อาจจะมารวมที่นี่ ไม่ใช่อาจจะล่ะ ต้องมารวมที่นี่ รวมที่นี่มี 2 อย่าง มันจะได้เป็นศูนย์รวมผลผลิตของพวกเรากันเอง ผมลงพื้นที่ร้านค้าประชารัฐ ในร้านมีของกินของใช้ อุปโภคบริโภค จัดขาย ข้างๆ ร้านเขาทำเหมือนตลาดเล็กๆ ให้พี่น้องประชาชนเอาผักมาขาย เอาผลไม้มาขาย ไม่เก็บตังค์กัน ไหนๆ มีร้านค้าแล้ว มีที่ข้างๆ นี่กองทุนหมู่บ้านเขาลงไปแล้ว ปีที่แล้ว จุดละ 5 แสนๆๆ 5 แสนไม่ได้หายไปไหน 5 แสนเกิดมา 20,000 แห่ง แต่ข้างๆ เขามีน้ำใจกันครับ เขาก็มีผัก มีผลไม้ มีข้าวสาร มาขาย น่ากิน ออร์แกนิกก็มี ปลอดภัยก็มี ก็ขายกัน มันเป็นตลาดที่ชุมชนเป็นเจ้าของคู่กับร้านค้า แต่มันไม่จบแค่นั้น คนในชุมชนจะซื้อกันเอง อย่างที่ท่านรองนายกฯ ว่า มันก็วนในชุมชน มันไม่รวยขึ้นเท่าไร แต่ถึงไม่รวยขึ้นเท่าไร เชื่อไหมครับ ร้านค้าประชารัฐที่ตั้งมาแล้ว จากสมัยเริ่มตั้ง มียอดขาย 2 หมื่น 3 หมื่น 4 หมื่นบาท พอเริ่มขยับเข้าไปจัดการกันใหม่ หลายๆ แห่งขึ้นมาแสนกว่าบาท หลายๆ แห่งผมไปเยี่ยม ผมบอกอีกไม่เกิน 2-3 เดือน ขึ้น 3 แสนบาทแน่ๆ

ขึ้น แปลว่าอะไร ขึ้นแปลว่าเงินในหมู่บ้านนั้นๆ มันเริ่มวนอยู่ในหมู่บ้านของเราเองแล้วนะ ทุกทีเงินของเราต้องไปซื้อคนอื่น เงินมันก็ไปที่คนอื่น ยิ่งไปซื้อห้างฯ ต่างชาติเยอะๆ เงินมันก็กลับไปประเทศอื่นเยอะ แต่วันนี้พอมีร้านค้าชุมชน เงินมันเริ่มซื้อจาก 2-3 หมื่น กลายเป็นแสน จากแสนเดี๋ยวก็จะกลายเป็นหลายแสน และผมเชื่อมั่นว่าภายในไม่เกิน 1 ปี หลายๆ แห่งของร้านค้าชุมชนจะขายเป็นล้าน เป็นล้านๆ บาทต่อเดือน ผมท้าว่าจะเกิด เพราะอะไรครับ เขาไม่ได้ขายเฉพาะหมู่บ้านเขา แต่เขาจะขายอีก 3 หมู่บ้าน 5 หมู่บ้านรอบตัวเขา แต่อะไรเกิดขึ้นครับ ร้านค้าชุมชนอย่างนี้ พอเอาของมารวม ผมเพิ่งไปเยี่ยม ไม่ทราบว่าอยู่ห้องนี้ไหม ที่กำแพงแสน จ.นครปฐม 1 อาทิตย์ที่แล้ว ไปถามเขาว่า ... (ชูมืออยู่นั่น ไปถามกันเองเลยนะ ประจักษ์พยาน) ไปถามเขาว่าอะไรขายดีที่สุดในร้านค้าชุมชนนี้ เขาบอกของอะไรไม่รู้ จากชุมพร ขายดีมาก อยู่นครปฐมนะ ของอะไรไม่รู้ที่เขาเป็นเครือข่ายกันเอง จาก 20 แห่งนะ เป็น 20 แห่งต้นแบบที่ทดลองระบบ ที่ทดลองเขียนโปรแกรม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีก มีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะแยะ วันนี้จะพยายามเล่าให้หมดภายใน 1 ชั่วโมงนี้

เชื่อมชุมชนทั่วประเทศ

แค่เชื่อมกัน 20 แห่งก่อนนะ ยังไม่ไปทั้งประเทศนะ ยังไม่ไป 20,000 แห่งเลยนะ 20 แห่ง เขาก็เอาของจากชุมพรมาฝากขายในร้านนี้ เขาก็เอาของจากเชียงใหม่มาฝากขายในร้านนี้ ปรากฏว่าของขายดีมากในร้านค้าชุมชนกำแพงแสน นอกจากของกินของใช้แล้ว กลายเป็นของมาจากชุมพร กลายเป็นของมาจากอุดรฯ กลายเป็นของมาจากเชียงใหม่ ถามว่าทำไมกลายเป็นของอย่างนั้น เพราะมันหาซื้อไม่ได้ ใช่ไหมครับ แต่ก่อนร้านค้าชุมชนมันไปไม่ได้ เพราะของที่จะซื้อมันก็มีรอบไปหมด ถ้ามีรอบไปหมดแล้วทำไมคนจะต้องมาร้านค้าชุมชน

นี่กำลังทำสองเรื่องแล้วนะ ตามให้ทันนะครับ เรื่องแรก มีของถูก ถึงจะมา เพราะมีของถูกนะ ถึงจะมา วันหลังจะซื้อข้าวถูกต้องมาร้านค้าชุมชน จะซื้อน้ำปลาถูกก็มาร้านค้าชุมชน จะซื้อน้ำมันไปทอดถูกๆ ต้องมาร้านค้าชุมชน ถ้ามีอย่างนี้จะมาร้านค้าชุมชนกันไหมครับ มา มันจะต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ มันจะต้องขับรถไปทำไมให้เสียค่าน้ำมัน กระทรวงพาณิชย์ จับมือกับร้านค้าชุมชนแล้ว พี่น้องต้องลุกขึ้นมาช่วยกันทำ เราทำแล้ว เริ่มต้นแล้ว ไม่ใช่ฝันอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว โฆษณาให้เขาหน่อยก็ได้ บะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อซื่อสัตย์ รสต้มยำกุ้ง อร่อยเหลือเกิน ขาย 5 บาท ข้างนอกขาย 6 บาท เข้าร้านค้าชุมชนขาย 5 บาท อร่อยจนผมต้องซื้อเก็บไว้กินเองเลย

ยกระดับ “หนูณิชย์ติดดาว”

เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์นี่ลำบากมากนะครับ กินบะหมี่สำเร็จรูปของพี่น้องชุมชน เวลาออกตรวจงานต่างจังหวัด ผมแวะกินร้านหนูณิชย์ ไม่ค่อยให้เขาพาไปเลี้ยงร้านแพงๆ ต้องไปให้กำลังใจ เดี๋ยวหนูณิชย์ฝากท่านพาณิชย์จังหวัดด้วยนะ หนูณิชย์ตอนนี้ยกระดับเป็นติดดาวแล้ว แปลว่า หนูณิชย์ที่ติดดาว ก็คือหนูณิชย์ที่ได้รับเชลล์ชวนชิมจากกระทรวงพาณิชย์ ถ้าเห็นหนูณิชย์ติดดาวที่ไหน แวะเข้าไปกินเลย เดี๋ยวในงานนี้ก็มีมาสิบกว่าเจ้า ท่านรองประธานหอการค้า ก่อนกลับไปชิมหนูณิชย์ของผมนะ ข้าวมันไก่ก็อร่อย ข้าวขาหมูก็อร่อย ก๋วยเตี๋ยวก็อร่อย กวยจั๊บก็อร่อย ผมเปิดตัวมาแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อร่อยเหลือเกินครับ การันตีโดยกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ทำเองนะ กรรมการทุกฝ่ายเลย มา ชิมแล้วอร่อย ถึงให้ติดดาว ต้องอร่อย ถูก ไม่เกิน 35 บาท ห้องน้ำสะอาด บังคับเยอะเลยนะ ได้มาสามร้อยกว่าแห่งทั่วประเทศ ผมกำลังจะจัดมหกรรมหนูณิชย์ติดดาว ให้คนมากินแล้วยกย่องว่าอร่อยเหลือเกิน อาหารจานเดียว ราคาถูก ของกระทรวงพาณิชย์ ท่านพาณิชย์จังหวัดช่วยหาเพิ่มเติมนะ ทุกจังหวัดเลย ร้านหนูณิชย์ที่อร่อย

มีเหตุผลอะไรครับ คนขายของถูก แล้วอร่อย จะไม่รวย คิดง่ายๆ ถูกไหมครับ คนขายของอร่อย ก๋วยเตี๋ยวก็อร่อย ข้าวก็อร่อย ถูก ไม่เกิน 35 บาท แล้วไม่รวย ที่ผ่านมาไม่รวยก็ไม่ต่างอะไรกับคนตัวเล็กๆ ที่กระจายอยู่ทั่วไปหมด ทำอร่อย คนก็ไม่รู้จัก ทำอร่อย คนก็ไม่รู้ว่าจะไปชิมที่ไหน วันนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังรวมพลังคนตัวเล็ก ขายอาหาร แล้วให้เป็นหนูณิชย์ก่อน เพราะหนูณิชย์แปลว่าราคาถูก คุณภาพดี อาจจะอร่อยมาก อร่อยน้อย ยังไม่ว่ากัน เพราะหนูณิชย์ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มีของถูกให้เป็นตัวเลือกก่อน แต่ถ้าอร่อยเมื่อไร ติดดาว แล้วผมจะปั้นติดดาวให้เป็นเศรษฐีให้หมดเลย เพราะคนตัวเล็กที่ทำอะไรอร่อยและดี มันต้องรวย อันนี้เลยโม้ไปที่หนูณิชย์ มันก็เศรษฐกิจฐานราก ถูกไหมครับ ตกงานก็ไปเปิดร้านอาหาร ไม่มีงานทำก็ไปทำก๋วยเตี๋ยว

ผมบอกท่านอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า เดี๋ยวใครตกงาน อยากเปิดร้านอาหาร ทำก๋วยเตี๋ยวไม่เป็น ทำบะหมี่ไม่เป็น เอามาฝึกรวมให้หมด สอนทำก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ไปเปิดร้านหนูณิชย์ให้หมด แล้วก็เป็นหนูณิชย์ ข้อดีคือ อยู่ตรงไหน ซอกไหน ซอยไหน ถ้าเป็นหนูณิชย์เราจะอยู่ใน ... ข้อมูล แอปพลิเคชัน หาเจอหมดทั้งประเทศ เขาก็ได้ไปหาเจอว่าร้านอยู่ตรงไหน แล้วถ้าเราจนอยู่แล้ว เราใช้หน้าบ้านเรา ในบ้านเราเป็นร้านอาหาร ทำอาหารจานเดียว คนไม่รู้จัก แต่มาเป็นหนูณิชย์ คนต้องรู้จัก หนูณิชย์ก็จะขึ้นมา ตื่นขึ้นมา อาชีพ ตามหมู่บ้านก็มีหนูณิชย์ แล้วถ้าอร่อยคนก็จะดั้นด้นไปกิน ของอร่อยอยู่ที่ไหน ในซอย คนยังไปกินเลยใช่ไหมครับ ร้านอร่อย อาเฮียที่ขายตวาด ยังต้องนั่งรอเลย ใช่ไหมครับ เพราะมันอร่อย แล้วถ้ามันถูกด้วย อร่อยด้วย ไม่มีเหตุผลเลยที่ ... กระทรวงพาณิชย์กำลังทำ นี่เรื่องเศรษฐกิจฐานราก แบบร้านอาหาร

เชื่อมโยงพลังของคนตัวเล็ก ให้ยิ่งใหญ่

กลับมาที่ร้านค้าชุมชน ร้านค้าชุมชนจะไม่ใช่แค่ขายของถูก จะไม่ใช่แค่จุดแลกเปลี่ยน แต่กำลังจะเชื่อมโยง เชื่อมโยงไปทั่วประเทศ 20,000 แห่ง เชื่อมโยงกันหมดเลย แล้วของอะไรที่อื่นเขาอยากได้ มันจะส่งต่อไปที่นั่น กระทรวงพาณิชย์ กับกองทุนหมู่บ้าน จะเป็นแม่งานทำเรื่องนี้

ท่านทราบไหมครับว่า คนตัวเล็กที่มันแพ้ เพราะอะไร ตัวมันเล็ก เล็กไม่พอ ไม่มีโอกาส ไม่มีโอกาสไม่พอ ยังต่างคนต่างอยู่ ท่านเคยดูเรื่องไม้ไผ่เอามามัดเป็นกำไหม มันก็ไม่ต่างกับพวกเรา คนเล็กที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก เพราะเราเป็นไม้ไผ่ซี่เล็กๆ บางซี่ก็ผุๆ หักๆ บางซี่ก็อ่อน บางซี่ก็แข็งหน่อย แต่มันต่างคนต่างอยู่ มันไปเจอเศรษฐกิจมหภาค ไปเจอเศษฐกิจโลก ไปเจอการค้าโลก มันไปเจอเออีซี มันเมา มันไปไม่เป็นเลยครับ แต่ถ้าคนเล็กๆ เชื่อมโยงกันได้เมื่อไร ท่านรองนายกฯ พูดคำนี้เมื่อสักครู่ เชื่อมโยงกันได้เมื่อไร มันไม่ต่างกับไม้ไผ่มามัดรวมกัน หักไม่ลงแล้ว ฝันกำลังจะเป็นจริง เรากำลังจะเชื่อมโยงกองทุนหมู่บ้าน 20,000 แห่ง เชื่อมกันหมดเลย ของที่มีอยู่ทั้ง 20,000 หมู่บ้าน จะถูกรวบรวมส่งเข้ามา แล้วเราก็จะถามไปว่าหมู่บ้านนี้ถ้ามีอันนี้อยากได้ไหม ถ้ามีน้ำพริกไตปลาจากภูเก็ตมา หมู่บ้านไหนอยากได้ ถ้าอยากได้ ส่งไปให้ แล้วทำไมกินน้ำพริกไตปลาที่หมู่บ้านเราไม่ได้ล่ะ ทำไมจะกินน้ำพริกหนุ่มที่หมู่บ้านเราไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวส่งไปให้

คนในหมู่บ้านจะเป็นคนบอกเองว่าเขาอยากจะกินอะไร จะส่งไปให้ ทำไมบางทีผลผลิต ผลไม้ดี๊..ดี กองไว้จนเน่า แต่ถ้ามีกลไกอย่างนี้ มีของเยอะ ถามไปสิครับว่าหมู่บ้านไหนอยากได้ นี่กล้วยน้ำว้าเต็มตลาดเลย เหลือหวีละ 4-5 บาท ขณะที่พวกเราไปซื้อ 20-30 บาท คนขาย 4-5 บาทก็จะตายเอา คนจะซื้อก็ดันไปซื้อ 20-30 บาท พวกผมอยู่กรุงเทพฯ ซื้อ 50 บาท 60 บาทต่อหวี เดี๋ยวกลไกนี้ขึ้นทั่วประเทศเมื่อไร กล้วยมีเยอะเมื่อไร จะบอกเลย กล้วยจากที่ไหน กำแพงเพชรใช่ไหม แพร่ใช่ไหม มีเยอะใช่ไหม พี่น้องเรากองทุนหมู่บ้าน ร้านค้าชุมชน ตลาดชุมชนทั้งหลายจะเอาเท่าไร กระจายออกไป มันก็ไม่เน่า มันก็ไม่เสีย ท่านเคยซื้อ 20 บาท ถ้าของมันเยอะ อาจจะเหลือ 15 บาท พี่น้องเราแทนที่จะต้องขาย 4-5 บาท ก็จะขายเป็น 8 บาท 10 บาท ทุกคนดีขึ้นหมด

เรากำลังจะเกื้อกูลโดยเอาพลังคนตัวเล็กมาเชื่อมกันหมด เชื่อมตั้งแต่ภาคการผลิต เชื่อมตั้งแต่ภาคของตลาดที่เราทำมาค้าขายแลกเปลี่ยนกัน ที่ผมพูดนี้ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป เราจะทำเรื่องนี้ให้เกิดจริงๆ วันที่ 31 ผมจะเปิดตัวเรื่องนี้ คัดสุดยอดร้านค้าชุมชนพันแห่ง มาเขี่ยลูก ทำให้เสร็จในปีนี้ พันแห่งพอเสร็จเมื่อไรมันจะไปสองหมื่นแห่ง เพราะ 1 แห่งมันจะดูอีก 10-20 แห่ง นี่เรื่องเดียวนะ เอาตลาดเรื่องเดียวนะ เรื่องร้านค้าชุมชนเรื่องเดียวก่อนนะ เศรษฐกิจฐานรากมีความหวัง วันนี้คนตัวเล็กมีความหวัง

สานต่อ “ตลาดต้องชม”

กระทรวงพาณิชย์ยังทำตลาดชุมชนอีก ตลาดชุมชนที่กระทรวงพาณิชย์ทำ ใช้ชื่อว่า ตลาดต้องชม มีหลายตลาดแล้ว แต่หนึ่งในตลาดที่กำลังดังมากในขณะนี้ของกระทรวงพาณิชย์ คือ ตลาดต้องชม

ตลาดต้องชม เป็นอะไรครับ มันก็คือตลาดชุมชนของพี่น้องเรานั่นล่ะ บริหารจัดการโดยพี่น้องเรานั่นล่ะ เป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีเอกชนบ้าง ก็เล็กๆ น้อยๆ เอกชนที่เขาทำดี เอาของพี่น้องเราไปขาย ผมก็ส่งเสริม อย่างเช่นตลาดทุ่งเกวียนที่ลำปาง เขาทำดี เขาเอาของพี่้้น้องไปขาย ผมบอกไม่เป็นไร อย่างนี้กระทรวงพาณิชย์ก็ส่งเสริม ถ้าเขาให้พี่น้องเราเข้าไปขาย เก็บพี่น้องเรา ช่วยเหลือพี่น้องเรา เราเอาด้วย แต่มีไม่เยอะ ที่เยอะจริงๆ คืออะไร คือตลาดชุมชนที่พี่น้องในชุมชนทำกันเอง บริหารจัดการกันเอง กระทรวงพาณิชย์ไปทำข้างล่างให้ไม่ได้หรอก ต้องให้ข้างล่างทำกันเอง แต่มีเอกลักษณ์ มีอัตลักษณ์ เข้าไปช่วย คนในชุมชนเป็นครู เป็นแม่บ้าน เป็นเกษตรกร ถึงเวลามีตลาดชุมชน ก็เอาของมาผลิต มาขาย เงินมันถึงจะหมุนเวียนในชุมชน แต่ตลาดต้องชม ไม่ได้มีเป้าหมายเฉพาะให้คนในชุมชนมาแลกเปลี่ยนกัน ตลาดต้องชม คือตลาดที่ตั้งใจทำตอบสนองท่านรองนายกฯ สมคิด คือเป็นตลาดของนักท่องเที่ยว แวะเข้าไปซื้อของ แวะเข้าไปเที่ยว

ที่ชื่อ “ต้องชม” เพราะมาแล้วมันมีของต้องมาซื้อ ต้องมาชม เต็มเลย เดี๋ยวไปดูข้างนอก มาแล้วครับ ตลาดต้องชม คือ ตลาดชุมชนที่ขายให้กับคนในชุมชน ทำให้คนชุมชนเป็นแม่ค้า เป็นครู เป็นข้าราชการ เป็นเกษตรกร มีรายได้เพิ่ม ผมไปเจอ บางท่านเป็นครู ตลาดต้องชมเปิดแค่เสาร์กับอาทิตย์ มีรายได้เพิ่มสัปดาห์ละ 1,000-2,000 แปลว่าครูคนนี้ เวลามีตลาดต้องชมในหมู่บ้าน เดือนหนึ่งก็มี 5,000-6,000 นะ ไปเลี้ยงดูครอบครัวเขา ทำอะไร ทำขนมสมัยย่าสอนไว้ ผัดก๋วยเตี๋ยว ทำอะไรก็ไม่รู้ที่เขาเก่ง เขาทำเป็น แล้วเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ เหมือนท่านรองนายกฯ พูดน่ะ ของอร่อยๆ อยู่ในท้องถิ่นเต็มไปหมดเลย ก็มาใช้ตลาดต้องชม ตลาดต้องชม กำลังกระจายไปทั่วประเทศ พาณิชย์จังหวัดเรานี่ล่ะครับคือตัวแม่งานตลาดต้องชม เข้าไปให้เขามีช่องทาง แล้วก็เชื่อมการท่องเที่ยวเข้าไป

ตลาดสินค้าเฉพาะ กับทุเรียนฟีเวอร์

อีกตลาดหนึ่งที่ท่านรองนายกฯ พูดถึงคือ ตลาดสินค้าเฉพาะ ท่านทราบไหมครับ ท่านรองนายกฯ สั่งไว้เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว พูดอย่างนี้ในงานแห่งหนึ่ง แล้วพูดออกมาว่ากระทรวงพาณิชย์ต้องทำตลาดสินค้าเฉพาะ ไว้จับคนจีน แล้วท่านก็ยกตัวอย่างตลาดทุเรียน วันนี้ฝันเป็นจริงแล้วครับ ตลาดทุเรียนกำลังกระจายไปทั่วประเทศเลย เดี๋ยวผมพูดเสร็จก็ต้องวิ่งไปขึ้นเครื่องไปภูเก็ต ไปเปิดตลาดทุเรียนภูเก็ต วันนี้ คืนนี้ ที่ภูเก็ต

พอเราทำตลาดทุเรียน เอกชนเขาก็ลุกขึ้นมาทำ ใครดีครับ พี่น้องเกษตรกรขายทุเรียนตรงมาหาตลาดทุเรียน ตลาดทุเรียนขายใคร ขายนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก คนจีนอยากกินทุเรียนใจจะขาด ขายนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก เท่ากับนักท่องเที่ยวจีนก็มากินทุเรียนของเกษตรกร กินตรงผ่านอะไร ก็ผ่านตลาดทุเรียนที่ทำกันไง ท่านสั่งไว้แล้วครับว่าไม่เอาแค่ทุเรียน ทุเรียนสอบผ่านแล้ว เกิดกระแสแล้ว ปีนี้ทุเรียนฟีเวอร์ ดังมาก ต้องขอบคุณหน้ากากทุเรียนด้วย ทำให้ทุเรียนฟีเวอร์ปีนี้ดังไปทั่วประเทศ

ผมไปเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อวันพุธ สื่อมา 150 คน ทีวีมา ผมว่ามากกว่า 50 ช่อง ไม่รู้มาจากไหน เต็มไปหมดเลย ทีวีจีนยังมาเลย มันดังไปหมดแล้วครับ ทุเรียนตอนนี้ดังไปหมดแล้ว ที่ไหนก็อยากจะจัดทุเรียน อยากจะจัดขายทุเรียน อยากจะทำบุฟเฟต์ทุเรียน ถ้าเป็นอย่างนี้ ตลาดมันเป็นแบบนี้ พี่น้องเกษตรกรก็จะมาขายตรง เข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น ไม่ต้องอาศัยการส่งออกไปอย่างเดียว ชาวบ้าน คนไทย ก็เข้ามากิน ตื่นเต้นกันไปหมด ผมเปิดที่เชียงใหม่ ท่านพาณิชย์เชียงใหม่ก็อยู่ที่นี่ ก็บอกขายดิบขายดี คูปองหมดตั้งแต่วันแรก เปิดเที่ยง คูปองหมดไป 3 วันเลย คนจีนมาเข้าคิวรอกิน

ฟื้นฟูสหกรณ์ ปลุกยักษ์หลับ

ตลาดสินค้าเฉพาะอย่างนี้ก็จะเกิด ไม่ใช่ทุเรียนแล้ว เดี๋ยวจะเกิดตลาดซีฟูด เดี๋ยวจะเกิดตลาดน้ำผึ้ง อย่างที่ท่านว่า เดี๋ยวจะเกิดตลาดถั่ว ตลาดเฉพาะจะเป็นศูนย์รวมของสินค้าเฉพาะ จัดการโดยชุมชนนี่ล่ะ เชื่อมกับแหล่งท่องเที่ยวนี่ล่ะ ขายคนไทย ขายนักท่องเที่ยว ต่อไปก็ขายต่างชาติ นอกจากนั้น ที่นั่งในห้องนี้ ใหญ่มาก ที่เข้ามาคือพี่น้องสหกรณ์ สหกรณ์มีของผลิตเต็มไปหมดเลย ปรากฏว่าสหกรณ์ 18 แห่ง เขามาคุยกับผม พอคุยเสร็จเขาบอกว่า กระทรวงพาณิชย์ทำอย่างนี้ ขอร่วมขบวนด้วย เขาจะเข้ามาสู่กลไกที่ผมเล่าให้ฟังนี้ เชื่อมโยงข้อมูลกันได้ มีกลไก มีระบบการจัดการบริหารเหมือนบริษัทยักษ์ใหญ่ กระทรวงพาณิชย์ จับมือกับกองทุนหมู่บ้านทำเสร็จแล้ว กำลังจะเสร็จแล้ว ของในร้านขายไปเท่าไรก็รู้ ตกเย็นเหลือเท่าไรก็รู้ วันนี้ขายไปกี่ตังค์ก็รู้ เอาของเข้ามา อะไรก็รู้หมด ถ้าไม่มีระบบอย่างนี้ ร้านค้าชุมชน ตลาดชุมชนข้างล่าง เจ๊งหมด เพราะขายเท่าไรก็ไม่รู้ พอขายดี เดี๋ยวคนขายเอาตังค์กลับบ้านอีก วนเวียนซ้ำซาก สตอกเหลือก็ไม่รู้ สตอกตกค้างเยอะก็ไม่รู้ วันนี้ตามนโยบายท่านรองนายกฯ เราลงไปทำให้รู้ เดี๋ยวเรื่องนั้นค่อยคุยกันในรายละเอียด แต่พี่น้องสหกรณ์ลุกขึ้นมาหมด บอกวันนี้เข้าร่วมขบวนด้วย

เมื่อกี้ผมพูดแค่ร้านค้าชุมชนของกองทุนหมู่บ้าน แต่วันนี้ถ้ามีขบวนสหกรณ์ สหกรณ์เก่งเหลือเกินอยู่แล้ว เหมือนยักษ์หลับอยู่ในตะเกียงอาละดิน สหกรณ์มันพร้อมจะระเบิด แต่มันระเบิดไม่ออก ระเบิดไม่ออกตรงไหนครับ มันขาดการเชื่อมโยงตลาด มันขาดตลาดที่จะปะทุออกไป วันนี้สหกรณ์กลับมาเป็นขบวนร่วมกับร้านค้าชุมชน มันจะเอาขบวนสหกรณ์ เอาตลาด เอาร้านค้าสหกรณ์ เอาสหกรณ์ผู้ผลิต เอาสหกรณ์การเกษตร เอาเข้ามารวม

วันนี้ อบต.ก็มาแล้ว ผมเพิ่งจะประชุมร่วมกัน 3 องค์กร เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา อบต.บอก ถ้าอย่างนี้ เอาด้วย อยากทำอย่างนี้มานานแล้ว อบต.เสนอตัว ปีนี้ เหลือไม่กี่เดือนนี้ จะทำตลาดกลางสินค้าเกษตร หน้า อบต.เลย อบต.หลายที่ใหญ่ใช่ไหมครับ มีที่ข้างหน้าเยอะ อบต.เขาบอก เดี๋ยวเขาจะทำตลาดกลางสินค้าเกษตร ตังค์เขาเอง เขาพอมีตังค์ ให้พี่น้องเกษตรกรเอาเวลาผลิตผลผลิตเกษตรได้ ก็เอามารวมตรงตลาดกลาง อบต. พอมารวมตลาดกลาง อบต. กระทรวงพาณิชย์ก็จะร่วมมือกับพันธมิตรเครือข่ายว่าผลผลิตที่รวมนี้ อะไรที่ไปเชื่อมหาตลาดกลางขนาดใหญ่ได้ เราจะส่งต่อให้ อะไรที่สามารถไปหาตลาดใหญ่ได้ เราเชื่อมให้ พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกอยู่ในตำบลก็มีที่เอาผลผลิตมารวม เอามาขาย ท่านเชื่อไหมครับ ตรงนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก ถ้าเป็นอย่างนี้เกษตรกรถึงไปพัฒนาการผลิตได้ใช่ไหมครับ เพราะเราไปบอกเขาปลูกเกษตรปลอดภัย ปลูกเกษตรอินทรีย์ แล้วเดี๋ยวราคามันจะดี ปลูกเสร็จแล้วไม่มีที่ขาย

ฝั่งกระทรวงพาณิชย์ วันๆ มีแต่คนบอก มีไหมเกษตรอินทรีย์ มีเท่าไรจะซื้อหมด หากันไม่เจอ ผมลงไปแถวหมู่บ้าน ที่นี่ก็มีอยู่หยิบมือหนึ่ง ที่นั่นก็มีอยู่หยิบมือหนึ่ง นี่มีหยิบมือหนึ่งก็ไม่รู้จะไปขายใคร ก็ขายกันเอง วันนี้ถ้าไปรวมที่ตลาดกลางของ อบต. หรือไปรวมที่ร้านค้าชุมชน หยิบมือนี้ หยิบมือนี้ จะรวมมาให้เป็นก้อนใหญ่แล้วไปส่งขายให้เขา ส่งขายให้กับตลาดกลางให้เขา เยอะกว่านั้น จะได้ทำออเดอร์ส่งออกไปต่างประเทศ สินค้าเกษตรอินทรีย์เขาอยากกินทั้งประเทศ และอยากกินทั้งโลก แล้วไทยเรามีที่จะทำได้ แต่ไม่มีปัญญาทำให้มันเกิดอย่างจริงจัง ครั้งนี้จะเกิด แล้วใครก็ตามที่มาร่วมกับเราในขบวนนี้ ผมบอกแล้วว่า เราจะทำเชื่อมโยงข้อมูลการผลิตจริงๆ เสียที

ปัญหาประเทศไทยคือ เวลานึกจะปลูกอะไร อยากปลูกก็ปลูก เวลานี้กล้วยมันล้นตลาด ปีที่แล้วกล้วยมันแพง น้ำมันท่วม น้ำมันแล้ง กล้วยมันแพง พอจากนั้นส่งเสริมปลูกกล้วย ปลูกกันพร้อมกันทั้งประเทศเลยหลังฝนมา พอปลูกกันพร้อมกันทั้งประเทศ มาวันนี้มันก็สุกพร้อมทั้งประเทศ อย่างนี้ไม่รู้จะช่วยกันยังไง ช่วยไม่ทันจริงๆ ผมบอก เอาใหม่ ใครเป็นเครือข่ายปลูกผัก ปลูกผลไม้ ปลูกกล้วย ปลูกมะม่วง ปลูกอะไรไม่รู้ เข้ามาเป็นสมาชิกกันให้หมด ใครอยู่แถวชุมชน มาเป็นสมาชิกร้านค้าชุมชน ใครมี อบต.ดูแล เป็นสมาชิก อบต. ใครสหกรณ์ดูแล เป็นสมาชิกสหกรณ์ เอาข้อมูลมาเชื่อมให้หมด ทำจีพีเอสการผลิตจริงๆ เสียที ให้มันรู้ว่าในนี้ วันนี้ จะปลูกกล้วย มีที่อยู่ 2 ไร่ วันนี้ปลูกกล้วย เริ่มปลูกวันนี้ จะเก็บอีกกี่เดือน เอาข้อมูลคนปลูกรวมเข้ามา ผมจะทำเฉพาะเครือข่ายของเราก่อน เราก็จะรู้เลยว่าในเครือข่ายเรา ทั้งประเทศที่อยู่ในเครือข่ายของเรา มีกล้วยอีก 2 เดือนจะสุก เท่าไร มีผัก ประเภทอย่างนั้นอย่างนี้ ปลอดสารเท่าไร ออร์แกนิกส์เท่าไร จะเกิดขึ้นเท่าไหร่ เราจะได้ไปหาตลาดให้ล่วงหน้า ไปคุยกับเขา

ทุกวันนี้คนตัวเล็กทำไมถึงไม่รวย อะไรผลิตดี พอเขานิยม รายใหญ่จะเข้าไปซื้อ มีอยู่หยิบมือหนึ่ง กระจายไปทั่วหมด ใครมันจะไปรวบรวมครับ เขาบ่นกันมาก ผู้ส่งออกมาหาผมก็บ่น ของนี่มันดี ผลิตดี ตอนเขาเริ่มพัฒนากันทำ 500 ชิ้น ก็โอเค แต่พอมันเริ่มดี เขาไปขายเมืองนอก เมืองนอกต้องการ 1,000 ชิ้น ทำไม่เป็นแล้ว เพราะทำเป็นอยู่ 500 ชิ้น เขาก็ทำไม่ได้ เพราะส่งไม่ได้ วันนี้ถ้าเรามี 500 ชิ้น นี่มี 100 ชิ้น นี่ 200 ชิ้น อยู่กระจาย เชื่อมกันหมดเมื่อไร รับออเดอร์ได้ทั้งปี สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดครับ อบต.ก็มาแล้ว

ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ กำลังจะบอกว่า กลไกตลาดมันจะเป็นกุญแจที่จะไขให้เศรษฐกิจฐานรากมันดีขึ้น ขายอะไรได้ เขานิยมอะไร ถึงจะไปพัฒนาการผลิตได้ ไม่อย่างนั้นก็ไปส่งเสริมผลิตอยู่นั่นล่ะ นี่ก็ส่งเสริมผลิต นี่ก็ส่งเสริมปลูก นี่ก็ส่งเสริมทำโอทอป นี่ก็ส่งเสริมเอสเอ็มอี ส่งเสริมไปหมดแต่ไม่รู้ขายตรงไหน วันนี้กลไกตลาดที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานราก อันเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล อยากให้ทุกท่านร่วมมือกัน

ผมใช้เวลาสั้นๆ ตรงนี้ขึ้นมาพูดเรื่องนี้ต่อจากท่านรองนายกฯ เพราะท่านรองนายกฯ เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ ท่านรองนายกฯ เชื่อมั่นว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในกุญแจที่จะทำให้พี่น้องข้างล่างเข้มแข็งขึ้น ท่านรองนายกฯ เชื่อมั่นว่าที่กระทรวงพาณิชย์กำลังทำสารพัดตลาดที่ท่านพูดถึง มันจะเป็นตัวเชื่อมให้ข้างล่างหมุน ให้ข้างล่างไปได้ เพราะเศรษฐกิจฐานรากทำยังไงก็ได้ให้กิจกรรมข้างล่างมันเกิด ผลิต ขายได้ ผลิตแข่งได้ ผลิตแล้วคนอยากไป อยากซื้อ สิ่งที่ผมพูดนี้ นี่คือรากฐานที่แท้จริงของประเทศไทย ต้องบอกทุกท่านว่างานของรัฐบาลจากนี้ไป ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งการเกือบทุกสัปดาห์ในการประชุม ครม. ไปดูพี่น้องประชาชนข้างล่าง เอาเขาให้เข้มแข็งให้ได้ เอาปากท้องเขาให้อิ่มให้ได้ เอาให้เขาดีขึ้นให้ได้ จากสิ่งที่เป็นความตั้งใจ วันนี้กลไกตลาดเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่จะมาช่วย มาช่วยเกื้อกูลไปกับพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดทั้งหมดในภูมิภาค ประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯ อีกต่อไป เห็นไหมครับเดี๋ยวก็จะมีรถไฟฟ้า รถไฟวิ่งมาจากหนองคาย ผ่านอุดรฯ เข้ากรุงเทพฯ มีรถ ถนน มีทางด่วน มีมอเตอร์เวย์ ไปทั้งประเทศเลย ประเทศไทยก็หนีไม่พ้นแบบนั้น

เดี๋ยวนี้ สายการบินราคาถูกก็บินข้ามกันอยู่แล้ว จุดเชื่อมโยงต่างๆ มันจะกระจายไปทั้งประเทศ เพราะว่ามันไม่เจริญแค่กรุงเทพฯ มันมีทั้งฝั่งลาว มันมีทั้งฝั่งเขมร มันมีทั้งฝั่งพม่า มันมีข้างล่างที่เป็นมาเลเซีย มันจะกระจายไปทั้งประเทศ มันไม่ใช่กรุงเทพฯ อีกต่อไป แต่กระจายไป ถ้าพวกเราเชื่อมโยงกันไม่ได้ ไม่มีการเชื่อมโยงตลาดให้เข้มแข็งให้ได้ เศรษฐกิจข้างล่างไม่มีความหวัง

วันนี้เป็นวันที่ผมยืนยัน ในฐานะที่ผมขับเคลื่อนเรื่องนี้กับท่านรัฐมนตรีว่าการฯ ท่านอภิรดี ผมคิดว่าครั้งนี้ไม่ใช่ความฝัน ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นภาพใหญ่ๆ ลอยๆ ทำแล้ว เริ่มแล้ว ภายในไม่เกินสิ้นปีนี้จะเอาความสำเร็จจับต้องมาให้ท่าน วันนี้ถึงต้องรวมพลัง กระทรวงพาณิชย์ ผ่านพาณิชย์จังหวัด พลังภาคประชาชน ที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนฐานราก มารวมกันให้หมด นี่ผมสั่งให้ตามล่าวิสาหกิจชุมชนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา วันนี้ภาคเอกชน ท่านรองประธานสภาหอการค้า ท่านวิชัย นั่งอยู่ ท่านช่วยมาเยอะมาก และผมเชื่อว่าท่านฟังเสร็จ ท่านพร้อมช่วย 100 เปอร์เซ็นต์ ภาคเอกชนเขาไม่ได้คิดเอาเปรียบข้างล่างนะครับ ประชารัฐถูกโจมตีเพราะคนไม่หวังดี ไม่อยากให้พวกเรารวมกันได้ เอกชนเขารวยแล้ว แต่เวลาเขาทำ เขาได้ประโยชน์ เขามานี่ เขาเสียสละ เขามาร่วม เขาก็อยากเห็นพี่น้องข้างล่างดี พี่น้องข้างล่างดี เศรษฐกิจประเทศดี ทุกคนมันถึงจะดี ไม่มีใครเห็นแก่ตัวหรอกครับ

เวลาเอกชนเขามา ก็พยายามไปไล่เขาให้เป็นโจร เขามาเขาเสียสละกันทั้งนั้น วันนี้เอกชนข้างบนที่ภายใต้นโยบายประชารัฐของรัฐบาล เขาก็พร้อมจะเข้ามาช่วยกัน เพราะทุกคนอยากเห็นเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง และถ้าชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนถึงจะดูแลกันเองได้ ชุมชนถึงจะดูแลคนแก่ได้ ชุมชนดูแลคนพิการได้ รัฐดูแลทั้งประเทศไม่มีวันได้ ดังนั้นวันนี้ผมคิดว่าเป็นวันแห่งความหวังร่วมกันนะครับ ผมเอาสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับพันธมิตรทั้งหมดให้ทำ มาเล่าให้ท่านฟัง แต่ที่เล่าทั้งหมดนั้นเกิดไม่ได้ถ้าท่านที่อยู่ในห้องนี้ไม่ลุกขึ้นมาทำพร้อมๆ กันและช่วยกัน ก็คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่ผมถือว่ารับไม้ต่อจากท่านรองนายกฯ และจุดการเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านกลไกตลาดให้เกิดให้ได้ในประเทศไทย เพื่อความอยู่ดีมีสุขของพวกเรา


กำลังโหลดความคิดเห็น