ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีกัล” เชื่อมั่นปี 60 ธุรกิจเครื่องครัวมีแวว “โตได้อีก” ตั้งเป้าโต 5-6% ชี้จับตาช่องทางขายออนไลน์น่าจะยิ่งคึกคักอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดรวมปีนี้เติบโตดี ส่งผลแบรนด์ใหม่เข้าสู่ตลาดมากมาย
นายอรุณ เรืองจรุงพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสเตนเลสสตีล จำกัด ผู้ผลิตเครื่องครัวสเตนเลสสตีลและนอนสติ๊กแบรนด์ “ซีกัล” และ “จรวด” เปิดเผยว่า ในปี 2559 ภาพรวมตลาดเครื่องครัวในประเทศไทยนั้นยังมีการเติบโตโดยเฉพาะกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์นอนสติ๊ก และเป็นอีกหนึ่งปีทองของผู้บริโภค เพราะแบรนด์ต่างๆ ในตลาดต่างเดินเกมการตลาดไปในทิศทางเดียวกันโดยผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นหลัก
หากวิเคราะห์เกี่ยวกับมูลค่าตลาดรวมพบว่าในปีนี้ตลาดมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 3-5% และด้วยการเติบโตดังกล่าวส่งผลให้มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะช่วยเข้ามาทำให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต ในส่วนของ ไทยสเตนเลสสตีล นั้น ในปี 2559 สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้ประมาณ 5% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายอรุณกล่าววิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2560 ด้วยว่า น่าจะยังมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกันกับปี 2559 จากเทรนด์ด้านการทำอาหารเพื่อสุขภาพที่ยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อเครื่องครัวทำอาหารกินเองมากขึ้น อาทิ กระทะนอนสติ๊กที่ช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น อาหารไม่ติดกระทะ หรือใช้น้ำมันน้อย จึงทำให้ตลาดของกระทะนอนสติ๊กเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มเครื่องครัวสเตนเลสสตีลแม้ตลาดจะไม่หวือหวามากแต่ก็มีอัตราการเติบโตขึ้นเช่นกัน ส่วนการตัดสินใจซื้อนั้นมาจากหลายปัจจัย เช่น ความสะดวกในการใช้งาน ทำความสะอาดง่าย และความทนทาน ด้านเทรนด์ช่องทางการขายในอนาคตตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไปต้องจับตาการขายเครื่องครัวผ่านออนไลน์ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ผลิตสินค้าเครื่องครัวหันมาวางกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการขายในรูปแบบ traditional ดังเช่นปัจจุบัน
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศ 75% และจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในต่างประเทศประมาณ 25% โดยในปี 2560 คาดว่าจะยังคงสัดส่วนยอดขายเช่นเดียวกับปี 2559 ในขณะที่บริษัทฯ ก็มุ่งพัฒนาด้านความแข็งแกร่งของช่องทางการขายในตลาดต่างประเทศที่ยังมีสัญญาณเชิงบวกให้เห็นอยู่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดในประเทศ โดยตลาดใหม่ในต่างประเทศที่บริษัทฯ ให้ความสนใจก็คือตลาดยุโรป
สำหรับแผนการเพิ่มสัดส่วนยอดขายนั้นจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ช่องทางขายเดิมเป็นหลัก และขยายโอกาสทางการขายสู่ช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนมาใช้ช่องทางดังกล่าวมากขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ในปี 2560 บริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินกลยุทธ์ด้าน Digital marketing ทั้งด้านคอนเทนต์ และช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยจับมือกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำเพื่อรองรับเทรนด์ชอปปิ้งออนโลน์โดยเฉพาะ