ASTVผู้จัดการรายวัน -หืดขึ้นคอ ตลาดกล้อง 6 พันล้านบาทร่วงอีก 10% ในปีนี้ตามสถานการณ์เศณษฐกิจและการเข้าถึงสมาร์ทโฟน “เวิลด์คาเมร่า” ชูจุดแข็งพนักงานระดับโปรบริการแบบเซอร์วิสมายด์ ทุ่ม 100 ล้านบาทเพิ่มอีก 7 สาขา สู่ 36 สาขาในสิ้นปี พร้อมกรุยทางสู่ช่องทางออนไลน์ ปลายปีเปิดให้บริการแบบครบวงจร หวังสิ้นปีรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านบาท โตอีก 20% และใน 5 ปีขึ้นแท่นผู้นำในกลุ่มเชนร้านกล้องรวมและระดับโปรเฟสชันนัล
นายเรืองกิจ จึงทวีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์คาเมร่า กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล้องรวมอุปกรณ์มีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เฉพาะตัวกล้องมีมูลค่า 6 พันล้านบาทในปีก่อน ถึงสิ้นปีนี้มีแนวโน้มที่จะลดลงอีกประมาณ 5-10% ในแง่มูลค่า แต่จำนวนยูนิตยังดีอยู่ ส่วนสำคัญมาจากเรื่องของเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อลง รวมถึงการเข้ามาของสมาร์ทโฟนที่มีฟังก์ชันกล้องถ่ายรูปที่คมชัดขึ้น
จากข้อมูลของ “จีเอฟเค” ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. 58 ตลาดกล้องแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. กล้องคอมแพกต์ 20% 2. มิร์เรอร์เลนส์ 40% และ 3. DSLR 40% โดยกลุ่มกล้องมิร์เรอร์เลนส์โตสุด 100% ในแง่จำนวน ส่วนราคามีการปรับลงเฉลี่ย 30% ขณะที่กล้อง DSLR ลดลง 36% จากเศรษฐกิจชะลอตัว และกล้องคอมแพกต์ลดลง 20% โดยในส่วนของกล้องคอมแพกต์ตลาดระดับกลางจะหายไป แต่กลุ่มล่างราคา 1-2 พันบาทยังคงอยู่ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงสมาร์ทโฟน และกลุ่มบน ดังนั้นกล้องคอมแพกต์จะไม่หายไปในตลาด แต่จะขยับสัดส่วนลดลงทีละน้อยและน่าจะคงที่ที่สัดส่วน 15% ของตลาด โดยมิร์เรอร์เลนส์จะกลายเป็นตลาดหลักในอนาคตจากราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ในส่วนของ “เวิลด์คาเมร่า” 9 เดือนที่ผ่านมายังพบว่ามียอดขายที่เติบโตสูงกว่าตลาด หรือใน 3 กลุ่ม มีสัดส่วนรายได้จากกล้องคอมแพกต์ 10% กล้องมิร์เรอร์เลนส์ 20% และกล้อง DSLR 70% เนื่องจากจุดแข็งในการเป็นเชนร้านกล้องระดับโปรเฟสชันนัล ส่งผลให้สิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้ถึง 1.8 พันล้านบาท โตจากปีก่อนกว่า 20% จากที่ปิดไป 1.6 พันล้านบาท และในปีหน้าตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.07 พันล้านบาท
แผนการดำเนินงานในปีนี้จะมุ่งเน้นจุดแข็งในเรื่องของพนักงานที่มีความรู้และคุณภาพในการให้บริการที่ดีและเป็นเซอร์วิสมายด์แก่ลูกค้า พร้อมอัดงบกว่า 110 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกในการขยายสาขามากถึง 7สาขาในปีนี้ แต่ละสาขาลงทุนร่วม 10 ล้านบาท และล่าสุดกับสาขาแฟล็กชิป ใช้ชื่อ “เวิลด์คาเมร่า เซ็นเตอร์ @ ลาดพร้าว” ด้วยพื้นที่กว่า 900 ตารางเมตร ลงทุนไปกว่า 50 ล้านบาท เพื่อเป็นสาขาสแตนด์อะโลนที่เปิดให้บริการแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ส่วนสาขาอื่นๆ ที่เปิดในปีนี้ เช่น แฟชั่นไอส์แลนด์, ฮาเบิร์ล มอลล์ ชลบุรี และ เดอะ สตรีท เป็นต้น ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 36 สาขา และปีต่อไปจะขยายสาขาปีละ 5 สาขา ต่อสาขาลงทุน 10 ล้านบาท สู่แผน 50 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาช่องทางขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของตัวเองซึ่งจะเปิดให้บริการแบบครบวงจร ทั้งการให้ข้อมูลซื้อขาย และบริการหลังการขายต่างๆ ได้ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ถือเป็นจุดแข็งที่จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ใน 3-5 ปีหลังจากนี้ “เวิลด์คาเมร่า” จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในกลุ่มเชนร้านจำหน่ายกล้องรวมแทนที่ “บิ๊กคาเมร่า” และผู้นำในกลุ่มเชนร้านกล้องระดับโปรเฟสชันนัล แทนที่ “โฟโต้ไฟล์” ได้ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 2 ของทั้งสองกลุ่ม
นายเรืองกิจ จึงทวีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์คาเมร่า กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล้องรวมอุปกรณ์มีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เฉพาะตัวกล้องมีมูลค่า 6 พันล้านบาทในปีก่อน ถึงสิ้นปีนี้มีแนวโน้มที่จะลดลงอีกประมาณ 5-10% ในแง่มูลค่า แต่จำนวนยูนิตยังดีอยู่ ส่วนสำคัญมาจากเรื่องของเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อลง รวมถึงการเข้ามาของสมาร์ทโฟนที่มีฟังก์ชันกล้องถ่ายรูปที่คมชัดขึ้น
จากข้อมูลของ “จีเอฟเค” ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. 58 ตลาดกล้องแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. กล้องคอมแพกต์ 20% 2. มิร์เรอร์เลนส์ 40% และ 3. DSLR 40% โดยกลุ่มกล้องมิร์เรอร์เลนส์โตสุด 100% ในแง่จำนวน ส่วนราคามีการปรับลงเฉลี่ย 30% ขณะที่กล้อง DSLR ลดลง 36% จากเศรษฐกิจชะลอตัว และกล้องคอมแพกต์ลดลง 20% โดยในส่วนของกล้องคอมแพกต์ตลาดระดับกลางจะหายไป แต่กลุ่มล่างราคา 1-2 พันบาทยังคงอยู่ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงสมาร์ทโฟน และกลุ่มบน ดังนั้นกล้องคอมแพกต์จะไม่หายไปในตลาด แต่จะขยับสัดส่วนลดลงทีละน้อยและน่าจะคงที่ที่สัดส่วน 15% ของตลาด โดยมิร์เรอร์เลนส์จะกลายเป็นตลาดหลักในอนาคตจากราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ในส่วนของ “เวิลด์คาเมร่า” 9 เดือนที่ผ่านมายังพบว่ามียอดขายที่เติบโตสูงกว่าตลาด หรือใน 3 กลุ่ม มีสัดส่วนรายได้จากกล้องคอมแพกต์ 10% กล้องมิร์เรอร์เลนส์ 20% และกล้อง DSLR 70% เนื่องจากจุดแข็งในการเป็นเชนร้านกล้องระดับโปรเฟสชันนัล ส่งผลให้สิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้ถึง 1.8 พันล้านบาท โตจากปีก่อนกว่า 20% จากที่ปิดไป 1.6 พันล้านบาท และในปีหน้าตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.07 พันล้านบาท
แผนการดำเนินงานในปีนี้จะมุ่งเน้นจุดแข็งในเรื่องของพนักงานที่มีความรู้และคุณภาพในการให้บริการที่ดีและเป็นเซอร์วิสมายด์แก่ลูกค้า พร้อมอัดงบกว่า 110 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกในการขยายสาขามากถึง 7สาขาในปีนี้ แต่ละสาขาลงทุนร่วม 10 ล้านบาท และล่าสุดกับสาขาแฟล็กชิป ใช้ชื่อ “เวิลด์คาเมร่า เซ็นเตอร์ @ ลาดพร้าว” ด้วยพื้นที่กว่า 900 ตารางเมตร ลงทุนไปกว่า 50 ล้านบาท เพื่อเป็นสาขาสแตนด์อะโลนที่เปิดให้บริการแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ส่วนสาขาอื่นๆ ที่เปิดในปีนี้ เช่น แฟชั่นไอส์แลนด์, ฮาเบิร์ล มอลล์ ชลบุรี และ เดอะ สตรีท เป็นต้น ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 36 สาขา และปีต่อไปจะขยายสาขาปีละ 5 สาขา ต่อสาขาลงทุน 10 ล้านบาท สู่แผน 50 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาช่องทางขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของตัวเองซึ่งจะเปิดให้บริการแบบครบวงจร ทั้งการให้ข้อมูลซื้อขาย และบริการหลังการขายต่างๆ ได้ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ถือเป็นจุดแข็งที่จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ใน 3-5 ปีหลังจากนี้ “เวิลด์คาเมร่า” จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในกลุ่มเชนร้านจำหน่ายกล้องรวมแทนที่ “บิ๊กคาเมร่า” และผู้นำในกลุ่มเชนร้านกล้องระดับโปรเฟสชันนัล แทนที่ “โฟโต้ไฟล์” ได้ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 2 ของทั้งสองกลุ่ม