หวั่น “สาวมิสทิน” แก่ตัวขายยาก ทุ่ม 2 พันล้านรุกขายตรงออนไลน์

“ขายตรง” ปรับตัวรับเทคโนโลยีไลฟ์สไตล์ “มิสทิน” ทุ่ม 2,300 ล้านบาทรองรับช่องทางขายออนไลน์ วางระบบและลอจิสติกส์คลุม 5 ปีนับจากนี้ หลังเห็นรูปแบบขายตรงลดลงแต่ออนไลน์มาแรง คาดอีก 5 ปียอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 50% เท่าระบบเดิม มองครึ่งปีหลังสัญญาณบวก มิสทินมีลุ้นเติบโต 3% ทะลุ 14,000 ล้านบาท

นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางระบบขายตรง “มิสทิน” เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยนไป รวมถึงรูปแบบการขายสินค้าของมิสทิน ที่พบว่าจากจำนวนฐานสมาชิกกว่า 1 ล้านราย โดยกว่า 38% ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนี้กว่า 27% สั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ส่งผลให้เชื่อว่าในอนาคตช่องทางออนไลน์จะมีศักยภาพสูงมาก

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทุ่มงบกว่า 2,300 ล้านบาทสำหรับการเปิดตลาดในช่องทางออนไลน์อย่างจริงจัง แบ่งออกเป็น 1. ลอจิสติกส์ คลังสินค้า และสถานที่วางระบบ 2,000 ล้านบาท 2. เทคโนโลยีด้านช่องทางออนไลน์ 300 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะรองรับระบบและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้ครอบคลุมตลอด 5 ปีหลังจากนี้ หรือเชื่อว่าภายในปี 2562 ยอดขายจากออนไลน์จะมีสัดส่วนที่ 50% เท่ากับช่องทางขายตรงปกติ หรือภายในปีนี้น่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 15,000-16,000 ล้านบาทได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสาวมิสทินของบริษัทฯ โดยเฉลี่ยแล้วจะมีอายุในช่วง 34-39 ปี มองว่าหากไม่ทำตลาดสร้างฐานสมาชิกหรือสาวมิสทินไปสู่กลุ่มวัยรุ่นให้มากขึ้น อนาคตจะมีสาวมิสทินที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จากช่วง 10 ปีก่อนสาวมิสทินมีอายุประมาณ 15-30 ปี ในอัตราส่วนสูงถึง 50-60% ปัจจุบันเหลือเพียง 10% เท่านั้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงใช้งบลงทุนกว่า 40 ล้านบาทจับมือเป็นพันธมิตรกับทรูมูฟ เอช กับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แก่สาวมิสทินกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นการขยายกลุ่มสมาชิกไปสู่กลุ่มวัยรุ่นได้มากขึ้น ภายใต้โครงการ TRUE BEAUTY เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558-กรกฎาคม 2559 เปิดโอกาสให้สาวมิสทินรับสิทธิประโยชน์โทร.ฟรีเบอร์มิสทินคอลเซ็นเตอร์ ฟรีตลอดอายุการใช้งานของซิม รวมถึงสิทธิโทร.ฟรีในเครือข่ายทรูมูฟ เอช 100 บาทต่อเดือน นานสูงสุด 12 เดือน พร้อมสิทธิเล่นแอปพลิเคชันไลน์ เฟซบุ๊ก ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน 3G/ EDGE/GPRS มาพร้อมโฆษณานำแสดงโดย “แหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ” เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างด้วย

นายดนัยกล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมรายได้ของมิสทินครึ่งแรกปี 2558 ไม่ค่อยดีนัก แต่ช่วงครึ่งปีหลังเริ่มเห็นสัญญาณบวก กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับมา เศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น จึงมั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะยังคงมีอัตราการเติบโตด้านรายได้อีก 3% หรือมีรายได้รวม 14,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 13,600 ล้านบาท เติบโต 5%