xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ความงามคว้าแชมป์ธุรกิจเด่นปี 60 ส่วนบริการการเงิน ค้าปลีก อี-คอมเมิร์ซมาแรงตามเมกะเทรนด์โลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เผย 10 อันดับธุรกิจเด่น-ร่วงปี 60 ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ส่วนบริการการเงินทั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิส ฟินเทค ออนไลน์แบงกิ้ง ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ อี-คอมเมิร์ซ ออร์แกไนซ์ ซ่อมอิเล็กทรอนิกส์ และปรึกษากฎหมายและบัญชีมาแรง เหตุเป็นไปตามเมกะเทรนด์ของโลกและนโยบายรัฐ ส่วนธุรกิจดาวร่วง ฟอกย้อมคว้าแชมป์ ส่วนรองเท้า สิ่งทอ ส่อเจ๊ง ถูกสินค้าจีนตีตลาด นิตยสาร หนังสือ ส่อม้วนเสื่อ หลังคนอ่านออนไลน์

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง 10 อันดับธุรกิจเด่น-ร่วงปี 2560 ว่า ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามยังคงติดอันดับหนึ่งธุรกิจเด่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และคาดว่าจะคงต่อไปอีก 3-5 ปี รองลงมาคือ ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว, ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ธุรกิจวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง, ธุรกิจขนส่งและลอจิสติกส์, ธุรกิจบริการทางการเงิน (เคาน์เตอร์เซอร์วิส ฟินเทค และออนไลน์แบงกิ้ง) ธุรกิจห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ธุรกิจประกันภัย, ธุรกิจออร์แกไนซ์, ธุรกิจซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ธุรกิจการศึกษา และธุรกิจให้คำปรึกษาทางกฎหมายและบัญชี

โดยธุรกิจเด่นในปี 2560 เป็นไปตามเมกะเทรนด์ของโลกที่มี 4 ตัวหลัก คือ ดิจิตอลที่ทำให้กลุ่มอี-คอมเมิร์ซ และบริการทางการเงินแบบฟินเทคมาแรง, การเป็นสังคมเมือง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีการซื้อสินค้าในห้างโมเดิร์นเทรดมากขึ้น, การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ การออมเงิน และการประกันโต และสุดท้ายคือ กระแสกรีน ที่ทำให้การรักษ์สุขภาพจะเด่นชัดขึ้น

นอกจากนี้ ธุรกิจเด่นยังได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐ ทั้งนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยแลนด์ 4.0 ที่ช่วยส่งเสริมและเติมเต็มในหลายๆ ธุรกิจ เช่น อี-คอมเมิร์ซ การท่องเที่ยว บริการการเงิน ขณะที่นโยบายส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และการอัดฉีดงบกลางลงสู่ 18 กลุ่มจังหวัด ก็จะมีผลต่อการลงทุน การค้าชายแดน ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจลอจิสติกส์ ธุรกิจออร์แกไนซ์ และธุรกิจให้คำปรึกษาทางกฎหมายและบัญชีในการทำการค้ากับต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การสำรวจในปีนี้พบว่าธุรกิจเด่นที่เคยติดอันดับ 1 ใน 10 ของปี 2559 กลับไม่ติด 1 ใน 10 ของธุรกิจเด่นในปี 2560 ได้แก่ ธุรกิจจัดการตลาด ทั้งตลาดนัด ตลาดสด ตลาดนัดกลางคืน, ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ, ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์และสมุนไพรธรรมชาติ, ธุรกิจออกกำลังกาย เช่น ฟิตเนส สนามกีฬา และธุรกิจพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ส่วนธุรกิจเด่นในปี 2560 ที่ไม่ติด 1 ใน 10 ของธุรกิจเด่นในปี 2559 ได้แก่ ธุรกิจบริการทางการเงิน, ธุรกิจ Modern Trade, ธุรกิจออร์แกไนซ์, ธุรกิจซ่อมและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจให้คำปรึกษาทางกฎหมายและบัญชี

นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับ 10 อันดับธุรกิจดาวร่วงในปี 2560 ได้แก่ อันดับหนึ่ง ได้แก่ ธุรกิจฟอกย้อม รองลงมาคือ ธุรกิจหัตถกรรม ธุรกิจนิตยสาร ธุรกิจร้านเช่าหนังสือ ธุรกิจร้านเช่าวิดีโอและซีดี สิ่งทอผ้าผืนที่ไม่เน้นฝีมือ ธุรกิจจัดทำโปสเตอร์ ธุรกิจโรงไม้ ธุรกิจตัดและซ่อมรองเท้า ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องจักรทางการเกษตร

“ธุรกิจดาวร่วง ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีการพัฒนา โดยเฉพาะกลุ่มฟอกย้อม หัตถกรรม รองเท้าและสิ่งทอที่ตัดเย็บทั่วไป ซึ่งกลุ่มนี้จะถูกสินค้าจากจีนที่มีต้นทุนต่ำกว่าเข้ามาตีตลาด ส่วนธุรกิจนิตยสารและหนังสือ มองว่าภายใน 2 ปีนับจากนี้จะเป็นช่วงที่เหนื่อยมากของธุรกิจกลุ่มนี้ โดยเฉพาะนิตยสารที่มีความเฉพาะอาจต้องปรับตัวหนัก เนื่องจากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่หันไปอ่านผ่านอี-บุ๊ก และอี-แมกกาซีนมากขึ้น ซึ่งต้องเป็นกลุ่มที่เข้าถึงตลาดทั่วไป (แมส) หรือมีฐานใหญ่ในต่างจังหวัดที่ยังเข้าถึงเทคโนโลยีไม่มากนักจึงจะอยู่ได้” นายธนวรรธน์กล่าว

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ในปี 2560 จะเป็นปีแห่งการปรับตัว เริ่มจากการปรับโครงสร้าง ซึ่งจะเห็นว่าทุกประเทศหันกลับมาใช้และสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศตัวเองมากขึ้น ทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน รวมทั้งไทย การปรับสมดุล เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกซึมตัว ทำให้มีภาวะโอเวอร์ซัปพลายสูง แต่ในปีหน้าโลกจะเริ่มปรับสมดุล ภาวะโอเวอร์ซัปพลายในตลาดก็จะลดลง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำมันที่เริ่มปรับลดปริมาณลง ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันจะยืนอยู่ที่ระดับ 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นำไปสู่การปรับสมดุลการบริโภค ส่งผลให้การลงทุนใหม่ในกลุ่มสินค้าที่มีโอเวอร์ซัปพลายจะไม่เกิด ผลักดันให้ราคาสินค้า ทั้งข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมันค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น และสุดท้าย การปรับเปลี่ยนที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มปรับเปลี่ยนไปในทางบวก ฟื้นตัวดีขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงในเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบและความวุ่นวายทางการเงินในยุโรปจะยังคงอยู่ และการปรับปรุงที่จะเห็นว่าโลกเริ่มมีการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อไปสู่มาตรฐานที่มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวรับเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวอยู่ในกรอบ 3.5-4% โดยจะค่อยฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 2 หลังจากที่รัฐบาลอัดฉีดงบกลางลงไปขับเคลื่อน รวมทั้งการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ทั้งรถไฟรางคู่ และมอเตอร์เวย์ เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น