ผู้จัดการรายวัน 360 - “อโยธยา ลิงส์” ทุ่ม 100 ล้านบาท ชูงาน “อะเมซิ่ง คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์ : กอล์ฟเวิลด์ คลับ แชมเปี้ยนชิพ 2016” ดึงนักกอล์ฟกลุ่มผู้บริหารระดับประเทศกว่า 100 คนร่วมแข่งขัน หวังต่อยอดช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย
นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ ประธานและผู้ก่อตั้ง สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” จ.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะประธานจัดงาน “อะเมซิ่ง คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์ : กอล์ฟเวิลด์ คลับ แชมเปี้ยนชิพ 2016” เปิดเผยว่า กีฬากอล์ฟในไทยกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจสนามกอล์ฟในประเทศไทยจาก 200 แห่งในปัจจุบันน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ และยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตจากการต่อยอดของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีสนามกอล์ฟเป็นส่วนประกอบและให้บริการเชิงพาณิชย์
ธุรกิจสนามกอล์ฟแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เชิงธุรกิจ และไม่เชิงธุรกิจ โดยในประเทศไทยนั้นกลุ่มที่ 2 มีเพียง สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพียงแห่งเดียว ให้บริการเฉพาะสมาชิกซึ่งมีกว่า 200 รายทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” ได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร “กอล์ฟ แมกกาซีน สหรัฐอเมริกา” เป็น 1 ใน 100 สนามกอล์ฟยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2558 โดยอยู่ในอันดับที่ 76 มีพื้นที่รวมกว่า 700 ไร่ ทั้งยังมีความโดดเด่น จนถือเป็นสนามกอล์ฟชั้นนำและเป็นเพียงสนามหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดอันดับโลก
ล่าสุดนิตยสาร “กอล์ฟ แมกกาซีน สหรัฐอเมริกา” และ “เดอะเวิลด์ คัพ แชมเปี้ยนชิพ” ได้คัดเลือกให้สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” จัดงาน “อะเมซิ่ง คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์ : กอล์ฟเวิลด์ คลับ แชมเปี้ยนชิพ 2016” ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค. 59 ซึ่งถือเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในการดึงสนามกอล์ฟชื่อดังที่ติดอันดับโลก จำนวน 25 สนาม จาก 15 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน พร้อมเชิญอาคันตุกะผู้เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟ และนักธุรกิจระดับโลก รวม 100 คน เข้าร่วมงานการแข่งขัน
“การแข่นขันครั้งนี้ใช้งบฯ กว่า 100 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนมากมาย เช่น สิงห์ คอร์ปอเรชั่น, กรุงเทพประกันภัย, เครือเจริญโภคภัณฑ์ และสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 เป็นต้น โดยรูปแบบการแข่งขันจะเป็นแบบสมัครเล่นและมีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง “กอล์ฟ แชนเนล” และ “ฟ็อกซ์ สปอร์ต” ไปยัง 120 ล้านครัวเรือนใน 40 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นสื่อกลางในการดึงกลุ่มนักลงทุนและนักธุรกิจระดับประเทศนั้นๆ เข้ามาสัมผัสและรู้จักศิลปวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมภาคเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว อันจะนำมาซึ่งการลงทุนในประเทศไทยต่อไป” นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ ประธานและผู้ก่อตั้ง สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” จ.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะประธานจัดงาน “อะเมซิ่ง คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์ : กอล์ฟเวิลด์ คลับ แชมเปี้ยนชิพ 2016” เปิดเผยว่า กีฬากอล์ฟในไทยกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจสนามกอล์ฟในประเทศไทยจาก 200 แห่งในปัจจุบันน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ และยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตจากการต่อยอดของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีสนามกอล์ฟเป็นส่วนประกอบและให้บริการเชิงพาณิชย์
ธุรกิจสนามกอล์ฟแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เชิงธุรกิจ และไม่เชิงธุรกิจ โดยในประเทศไทยนั้นกลุ่มที่ 2 มีเพียง สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพียงแห่งเดียว ให้บริการเฉพาะสมาชิกซึ่งมีกว่า 200 รายทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” ได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร “กอล์ฟ แมกกาซีน สหรัฐอเมริกา” เป็น 1 ใน 100 สนามกอล์ฟยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2558 โดยอยู่ในอันดับที่ 76 มีพื้นที่รวมกว่า 700 ไร่ ทั้งยังมีความโดดเด่น จนถือเป็นสนามกอล์ฟชั้นนำและเป็นเพียงสนามหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดอันดับโลก
ล่าสุดนิตยสาร “กอล์ฟ แมกกาซีน สหรัฐอเมริกา” และ “เดอะเวิลด์ คัพ แชมเปี้ยนชิพ” ได้คัดเลือกให้สนามกอล์ฟ “อโยธยา ลิงส์” จัดงาน “อะเมซิ่ง คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์ : กอล์ฟเวิลด์ คลับ แชมเปี้ยนชิพ 2016” ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค. 59 ซึ่งถือเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในการดึงสนามกอล์ฟชื่อดังที่ติดอันดับโลก จำนวน 25 สนาม จาก 15 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน พร้อมเชิญอาคันตุกะผู้เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟ และนักธุรกิจระดับโลก รวม 100 คน เข้าร่วมงานการแข่งขัน
“การแข่นขันครั้งนี้ใช้งบฯ กว่า 100 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนมากมาย เช่น สิงห์ คอร์ปอเรชั่น, กรุงเทพประกันภัย, เครือเจริญโภคภัณฑ์ และสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 เป็นต้น โดยรูปแบบการแข่งขันจะเป็นแบบสมัครเล่นและมีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง “กอล์ฟ แชนเนล” และ “ฟ็อกซ์ สปอร์ต” ไปยัง 120 ล้านครัวเรือนใน 40 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นสื่อกลางในการดึงกลุ่มนักลงทุนและนักธุรกิจระดับประเทศนั้นๆ เข้ามาสัมผัสและรู้จักศิลปวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมภาคเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว อันจะนำมาซึ่งการลงทุนในประเทศไทยต่อไป” นายพิทักษ์กล่าว