xs
xsm
sm
md
lg

Exclusive! เจาะ Working Holiday วีซ่าที่คนไทยปรารถนา แต่ญี่ปุ่นยังไม่ยอมให้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ทำงานไปเที่ยวไป ได้เงินพร้อมสนุกสนานในญี่ปุ่น” นี่อาจเป็นประสบการณ์ในต่างแดนที่หนุ่มสาวจำนวนมากใฝ่ฝัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วีซ่าประเภท Working Holiday ได้รับความนิยมอย่างมาก และเยาวชนคนไทยต่างเฝ้ารอคอยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะพิจารณาให้กับคนไทยในอนาคต

รัฐบาลญี่ปุ่นเคยประเมินว่า การอนุมัติ “ฟรีวีซ่า” ให้กับนักท่องเที่ยวไทย ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุด เพราะคนไทยได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 3 - 4 เท่าตัว เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเยือนแดนอาทิตย์อุทัยมากที่สุดในอาเซียน คนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นมากแค่ไหน คงไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์อีกต่อไป

หากแต่ วีซ่าท่องเที่ยวที่มีอายุเพียงแค่ 14 วัน อาจไม่เพียงพอสำหรับคนที่ต้องการสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง โดยมีวีซ่าอีกประเภทหนึ่งที่สามารถทำงานในญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมาย พร้อมกับท่องเที่ยวไปด้วย หรือ Working Holiday ซึ่งหนุ่มสาวชาวไทยจำนวนไม่น้อยต่างรอคอย แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่เปิดทางให้
Working Holiday ญี่ปุ่นได้รับความนิยมมากจากหนุ่มสาวชาวไต้หวัน
Working Holiday วีซ่าเป็นแนวคิดที่ส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวเดินทางไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศ โดยสามารถทำงานได้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว หลายประเทศต่างมีวีซ่าประเทศนี้ โดยญี่ปุ่นอนุมัติวีซ่าชนิดนี้ตั้งแต่ปี 1980 เพราะการมีคนหนุ่มสาวต่างชาติมาทำงานในญี่ปุ่น ช่วยแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ตั้งมาตรฐานที่สูงในการคัดเลือกประเทศที่จะได้รับวีซ่านี้เช่นเดียวกัน

จนถึงปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่น อนุมัติวีซ่า Working Holiday ให้แก่เยาวชน 15 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สโลวาเกีย โปแลนด์ โปรตุเกส ไต้หวัน และ อังกฤษ

“เที่ยวไปทำงานไปในญี่ปุ่น” ง่ายแสนง่าย

เป้าหมายของวีซ่า Working Holiday คือ ท่องเที่ยวเป็นหลัก ทำงานเป็นรอง เงื่อนไขส่วนใหญ่จึงอนุมัติวีซ่าให้กับเยาวชนอายุ 18 - 30 ปีเท่านั้น หนุ่มสาวเหล่านี้ได้เรียนรู้ประสบการณ์ในญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน ฝ่ายญี่ปุ่นก็มีแรงงานใหม่มาช่วยบรรเทาปัญหาสังคมผู้สูงอายุด้วย

หนุ่มชาวไต้หวันซึ่งเดินทางมาญี่ปุ่นด้วยวีซ่า Working Holiday เล่าว่า วีซ่าชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนหนุ่มสาวไต้หวัน เพราะญี่ปุ่นอยู่ใกล้ไต้หวัน บินเพียงแค่ 1 ชั่วโมงกว่า และชาวไต้หวันชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างมาก

รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติวีซ่าชนิดนี้ให้ชาวไต้หวันปีละ 5,000 คน แบ่งเป็น 2 รอบต่อปี และทุกครั้งจะมีหนุ่มสาวไต้หวันสมัครจนเกินโควตาหลายเท่าตัวจนต้องใช้วิธี “จับสลาก” อย่างไรก็ตาม หนุ่มไต้หวันบอกว่า หากคุณมีอายุ 30 ปี โอกาสที่จะได้รับวีซ่ามีสูงมาก เพราะฝ่ายญี่ปุ่นเห็นว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะสมัครได้

เงื่อนไขในการสมัครวีซ่า Working Holiday ง่ายแสนง่าย เพียงแค่มีอายุตามเกณฑ์ เขียนใบสมัครพร้อมแนบเรียงความเรื่องเหตุผลที่อยากไปประเทศญี่ปุ่น หลักฐานอื่นมีเพียงกรมธรรม์ประกันภัย, ตั๋วเครื่องบิน และเงินค่าใช้จ่ายขั้นต้นเพียง 8 หมื่นดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 95,000 บาท) เท่านั้น ไม่ต้องสัมภาษณ์หรือใช้บุคคลรับรองแต่อย่างใด

ผู้ได้รับวีซ่า Working Holiday สามารถทำงานในญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดชั่วโมง (วีซ่านักเรียนสามารถทำงานได้สัปดาห์ละไม่เกิน 28 ชั่วโมง) และทำงานได้ทุกประเภท ยกเว้นงานที่เกี่ยวข้องกับการพนัน หรือธุรกิจทางเพศ เท่านั้น วีซ่านี้ให้หนุ่มสาวหาประสบการณ์ในญี่ปุ่นได้นาน 1 ปี

หนุ่มสาวไต้หวันต่างบอกว่า ชีวิตในญี่ปุ่นไม่เพียงได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการทำงานและท่องเที่ยว ได้พัฒนาภาษาญี่ปุ่น แต่ยังเหลือเงินกลับไปบ้านอีกด้วย

รอคอยโอกาสพิเศษของหนุ่มสาวไทย

หลักเกณฑ์ในการอนุมัติวีซ่า Working Holiday โดยทั่วไป คือ เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้สัมผัสประสบการณ์ในต่างแดน ไม่ใช่การทำงานเป็นหลัก ประเทศที่ได้รับสิทธิ์นี้จึงมักมีรายได้ต่อคนค่อนข้างสูง โอกาสหนีวีซ่าค่อนข้างน้อย ในเอเชียมีเพียงไต้หวัน ฮ่องกง และ เกาหลีใต้ เท่านั้นที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดวีซ่า Working Holiday ให้

ข่าวที่ไม่เป็นทางการ ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีแนวคิดจะเปิดวีซ่า Working Holiday ให้มากขึ้น เพื่อชดเชยแรงงานในประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน เยาวชนไทยถือว่ามีศักยภาพสูง และอยู่ในลำดับต้นๆ ของการพิจารณา เพียงแต่ขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงอยู่ในขั้นตอนการประเมินผลการขยายสิทธิ์ด้านวีซ่าให้กับประเทศต่างๆ อยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น