xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC ลั่นปีหน้าโต 20-25% ปิโตรฯ ที่สหรัฐส่อแววเลื่อนรอนโยบายทรัมป์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พีทีที โกลบอล เคมิคอล” ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 20-25%อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการผลิตและราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น แย้มโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่สหรัฐฯ ส่อแววเลื่อนตัดสินใจในไตรมาส 1/60 รอดูนโยบายทรัมป์ว่าจะส่งผลกระทบต่อโครงการหรือไม่


นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 4 แสนล้านบาท โตขึ้น 20-25% จากปีนี้ที่มีรายได้รวม 3.2 แสนล้านบาท เนื่องจากปีหน้าจะมีปริมาณกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นผลจากโรงกลั่นและโรงโอเลฟินส์ไม่ได้หยุดซ่อมบำรุง รวมทั้งราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกก็ปรับเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าราคาเม็ดพลาสติก HDPE อยู่ที่ 1150 เหรียญสหรัฐ/ตัน

โดยปีหน้าบริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ใช้ในโครงการผลิต LLDPE การซ่อมบำรุงโรงงานที่ปีนี้จะมีการปิดซ่อมโรงอะโรเมติกส์ 2 เป็นเวลา 45 วันและโรงงานในกลุ่มโอเลฟินส์บางส่วน และโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ (MAX)

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวถึงโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่สหรัฐอเมริกา มูลค่าเงินลงทุน 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐว่า โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้โครงการที่เดิมคาดว่าจะตัดสินใจในไตรมาส 1/2560 นั้นอาจจะต้องเลื่อนไปก่อนเนื่องจากต้องรอดูนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ว่าจะไปในทางใด ซึ่งบริษัทฯ มีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวม เช่นการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทำให้บริษัทต้องกลับมาประเมินดูอีกที

อย่างไรก็ตาม จากการหาเสียงของนายทรัมป์ที่จะสนับสนุนการผลิตน้ำมันภายในประเทศ รวมทั้งการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% เหลือเพียง 15 % ก็น่าจะส่งผลดีต่อโครงการดังกล่าว

ส่วนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) นั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมถือหุ้นโครงการดังกล่าวแทนกลุ่มกาตาร์ที่ถอนตัวไปก่อนหน้านี้

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวถึงโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานที่มาบตาพุด (มาบตาพุด เรโทฟิท) เพื่อสนับสนุนนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐว่า โครงการ Olefins Reconfiguration โครงการนำแนฟทามาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเอทิลีน 5 แสนตันและโพรพิลีน 2.61 แสนตัน/ปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปการตัดสินใจลงทุนในต้นปี 2560 และเริ่มผลิตได้ในปี 2563 โดยบริษัทได้เชิญชวนบริษัทญี่ปุ่นที่ผู้ผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงเข้ามาร่วมลงทุนโครงการปลายน้ำในไทย โดยล่าสุด บริษัทฯได้ลงนามสัญญาเบื้องต้น (HOA) กับบริษัท Kuraray และบริษัท ซูมิโตโม คอปอเรชั่น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตพลาสติกเกรดพิเศษชนิด PA9T กำลังผลิต 1.3 หมื่นตัน/ปี และ HSBC กำลังผลิต 1.6 หมื่นตัน/ปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปปีหน้าและเริ่มผลิตได้ในปี 2563

สำหรับโครงการ MAX บริษัทฯ ตั้งเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้าจะทำกำไรให้บริษัท 300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีหน้าคาดว่าจะรับรู้กำไรจากโครงการนี้ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งทำตลาดเม็ดพลาสติกในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) และ AEC โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ 1 แสนล้านบาท ใน 5 ปี โดยปีนี้มียอดขายเม็ดพลาสติกที่ 1 แสนตันคิดเป็นมูลค่า 5 พันล้าน

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บริษัทฯ มีเงินสดในมือ 4.2 หมื่นล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ลงทุนตราสารหนี้ 1หมื่นล้านบาท เพื่อให้เกิดมูลค่าที่สูงกว่าการนำเงินไปฝากธนาคาร โดยบริษัทได้ว่าจ้าง บลจ.บริหารเงิน 6 พันล้านบาท และบริษัทบริหารเงินเองอีก 3 พันกว่าล้านบาท โดยให้มีผลตอบแทนเกินกว่า 2%
กำลังโหลดความคิดเห็น