xs
xsm
sm
md
lg

การบินไทยรับรายได้ปี 59 พลาดเป้า ทัวร์ศูนย์เหรียญทำผู้โดยสารจีนลด กระทบ Q4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
“จรัมพร” ยอมรับรายได้ปี 59 ไม่เข้าเป้า 1.8 แสนล้าน เหตุสายการบินแข่งขันราคาสูงทำให้รายได้ต่อคนต่ำ ขณะที่ Cabin Factor ที่ 75% ไม่พอที่จะช่วยเพิ่มรายได้ แม้ภาพรวม 3 ไตรมาสจะยังมีกำไร ขณะที่ประเมินไตรมาส 4/59 จะได้รับผลกระทบจากจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญกระทบมีผู้โดยสารจีนลดลง 25% คาดส่งผลรายได้ลดลงประมาณ 1%

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปี 2559 คงจะไม่สามารถทำรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 180,000 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ต่อคนต่อกิโลเมตร (Yield) ต่ำมาก เพราะมีการแข่งขันราคาสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเชื่อว่าแม้ Yield จะต่ำ แต่หากมี Cabin Factor ทั้งปีเฉลี่ยที่ 75-80% จะสามารถทำรายได้ได้ตามเป้า ซึ่งจากการคาดการณ์ Cabin Factor น่าจะอยู่ที่ 75% เท่านั้น

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/2559 (ต.ค.-ธ.ค.) บริษัทฯ ยังได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญและการให้บริการของธุรกิจนำเที่ยว โดยมีผู้โดยสารจีนเป็นสัดส่วน 6% ของผู้โดยสารทั้งหมด และล่าสุดพบว่าเส้นทางสู่ประเทศจีนทั้งหมดมีผู้โดยสารลดลง 25% ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ ลดลงประมาณ 1% ของรายได้รวมทั้งหมด

ส่วนความคืบหน้าในการจำหน่ายเครื่องบินที่ปลดระวางนั้น ปัจจุบันมีเครื่องบินปลดระวางที่รอจำหน่าย 15 ลำ และมีเครื่องบินที่จำหน่ายแล้วแต่มีปัญหาต้องรับคืนมาอีก 4 ลำ รวมเป็น 19 ลำ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางว่าจะบริหารจัดการอย่างไรทั้งจำหน่ายและแบบให้เช่า แต่ยอมรับว่าความต้องการในตลาดขณะนี้ยังไม่สูงมากนัก พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำให้การบันทึกด้อยค่าเครื่องบินสูงขึ้น เนื่องจากทั้ง 19 ลำดังกล่าวมีการบันทึกด้อยค่าเกือบเต็มจำนวนแล้ว

โดยในปี 2560 มีแผนจะปรับปรุงเครื่องบินรวม 15 ลำ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ เช่น การปรับปรุงเก้าอี้ การเพิ่มบริการ Wi-Fi ประกอบด้วย B777-200ER 6 ลำ วงเงิน 2,800 ล้านบาท B787-8 จำนวน 6 ลำ วงเงิน 1,300 ล้านบาท และ A330-300จำนวน 3 ลำ วงเงิน 2,000 ล้านบาท และจะเริ่มนำมาให้บริการบินเส้นทางระยะไกลช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ ในปี 2560 บริษัทฯ มีแผนรับมอบเครื่องบินอีก 7 ลำ แบ่งเป็น B787-9 จำนวน 2 ลำ (เช่า) และ A350 จำนวน 5 ลำ (ซื้อ 3 และเช่า 2) และปลดระวางอีก 2 ลำ คือ A330-300 ดังนั้น ในปี 2560 จะมีฝูงบิน 99 ลำ ส่วนการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (Hedging) นั้น บริษัทฯ ได้ทำสำหรับปี 2560 แล้ว 43% และช่วงไตรมาส 1/2561 จึงจะมีการทำ Hedging ใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ การบินไทยได้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ประจำปี 2559 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 44,126 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/2558 ที่มีรายได้ 44,342 ล้านบาท หรือลดลง 216 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวม 44,962 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/2558 ที่มีค่าใช้จ่าย 48,581 ล้านบาท หรือลดลง 3,619 ล้านบาท โดยขาดทุนจากการดำเนินงาน (Operating Loss) 836 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อนถึง 3,403 ล้านบาท (80.3%) และส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 1,591 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8,303 ล้านบาท (83.9%) โดยสาเหตุหลักเนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินลดลง 5,504 ล้านบาท (33.6%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยลดลง 15.3% และการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันสูงขึ้น 6.7% จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น

และมีค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้นจากอัตราค่าซ่อมเครื่องยนต์ และการส่งซ่อมอะไหล่เครื่องยนต์สูงกว่าปีก่อน ถึงแม้ว่าการยกเลิกการเรียกเก็บอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันเกือบทุกพื้นที่ที่ทำการขายบัตรโดยสารทำให้รายได้ค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินลดลง 919 ล้านบาท (2.5%) แต่รายได้ค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น 189 ล้านบาท (4.3%) และรายได้การบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้นจากทุกหน่วยธุรกิจ โดยในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 624 ล้านบาท แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 120 ล้านบาท

สำหรับจำนวนผู้โดยสารไตรมาส 3/59 มีจำนวน 5.50 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเดียวกันปี 58 ที่มีผู้โดยสาร 5.11 ล้านคน โดยมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 73.5% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี Cabin Factor เฉลี่ย 74.4% และมีรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (บาท/คน-กม.) ที่ 2.27 ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ จากผู้โดยสาร 2.39

ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามแผนปฏิรูปองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2559 กำไรสุทธิ 1,504 ล้านบาท ขณะช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนถึง 18,100 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น