“กนอ.” โล่ง นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาปลอดภัยจากน้ำท่วมปีนี้ 100% เตรียมเดินหน้าก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมของนิคมฯ สหรัตนนครให้สมบูรณ์ต่อไป พร้อมยืนยันไม่เคยละเลย ทอดทิ้งชุมชนรอบนิคมฯ ส่งมอบความช่วยเหลือไปแล้ว 3,000 ครัวเรือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นที่แน่ใจ 100% แล้วว่า นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของ กนอ. ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครรอดพ้นจากภาวะน้ำท่วมเนื่องจากล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าได้สิ้นสุดฤดูฝนแล้ว โดยปริมาณน้ำฝนภาคเหนือตอนล่างและกลางตอนบนอยู่ในเกณฑ์ลดลงทำให้การระบายน้ำจากเขื่อนหยุดลงโดยเฉพาะจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระรามหก เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง จึงส่งผลให้ระดับน้ำที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงปริมาณน้ำที่ไหลไปสมทบและบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีแนวโน้มลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร เดิมทีได้มีแผนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมในลักษณะคันดินเสริมผนังคอนกรีต โดยมีระดับความสูงของเขื่อนอยู่ที่ +8.500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (เมตร รทก.) แต่เนื่องจาก บริษัท สหรัตนนคร จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ทำให้ต้องชะลอการสร้างเขื่อน จึงดำเนินการแล้วเสร็จเฉพาะในส่วนของคันดิน ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ +7.500 เมตร ระดับน้ำทะเลปาน (เมตร รทก.) นั้น จากนี้ กนอ. จะรับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป เพื่อเพิ่มความพร้อมในการรับมือกับปัญหาอุทกภัยในอนาคต
“แม้ในขณะนี้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง จะปลอดภัยไร้ความเสี่ยงจากปัญหาอุทกภัยแล้ว แต่จากสถานการณ์ฝนตกหนัก ประกอบกับการระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีประชาชนบางพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่ง กนอ. จึงได้เร่งดำเนินการสำรวจชุมชนรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนเครื่องอุปโภค บริโภค และยารักษาโรค ประมาณ 3,000 ชุด ผ่านทางนายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ เพื่อนำไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยด่วน” นายวีรพงศ์กล่าว