“ชาวตำบลตลุก” อำเภอสรรพยา เร่งก่อกระสอบทรายทำคันกั้นน้ำสู้เจ้าพระยา-ฝน

ชัยนาท - ชาวบ้านพื้นที่ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท รวมพลังเร่งก่อกระสอบทรายทำคันกั้นน้ำสู่กับน้ำเจ้าพระยา และน้ำฝน หลังเขื่อนเจ้าพระยา ปล่อยน้ำเพิ่มกว่า 2,200 ลบ.ม./วินาที


วันนี้ (9 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเย็นวานนี้ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือน 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำเจ้าพระยาที่จะสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำเจ้าพระยา และน้ำสะแกแกรัง ที่ไหลมารวมกันที่จังหวัดชัยนาท เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีค่าสูงสุดประมาณ 2,800 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ซึ่งเกินกว่าระดับเก็บกักปกติ ประกอบกับไม่สามารถเพิ่มปริมาณการรับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งด้านฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออกได้เต็มตามศักยภาพ เนื่องจากเกษตรกรยังเก็บเกี่ยวไม่แล้วเสร็จ จึงต้องปรับเพิ่มปริมาณการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จากเดิมในอัตรา 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เป็นอัตรา 2,300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งจะทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะทยอยสูงขึ้นประมาณ 25-75 เซนติเมตร

ต่อมา เช้าวันนี้ เมื่อเวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำเจ้าพระยา และน้ำสะแกกรังที่ไหลมารวมกันที่ จ.ชัยนาท มีปริมาณกว่า 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ระดับน้ำที่ อ.เมืองชัยนาท น้ำสูงขึ้น 20 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 16.74 เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง) เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้น 198 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จาก 1,998 เป็น 2,196 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา น้ำสูงขึ้น 38 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 15.81 เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง)

นายเอกศิษฐ์ ศักดิ์ดีธนาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนเจ้าพระยา เปิดเผยว่า เนื่องจากปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระย าและแม่น้ำสะแกกรังที่ไหลมารวมกันที่จังหวัดชัยนาท บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชลประทานสามารถผันน้ำเข้าระบบฝั่งตะวันตกได้ในปริมาณ 220 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และฝั่งตะวันออก 110 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่อยู่ระหว่างรอการเก็บเกี่ยว จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำออกท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น

โดยเมื่อเวลา 12.00 น. เขื่อนเจ้าพระยาได้ระบายน้ำท้ายเขื่อนในปริมาณ 2,213 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ทั้งนี้ ชลประทานจะระบายน้ำท้ายเขื่อนในปริมาณไม่เกิน 2,300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในระยะ 3-4 วัน หากไม่มีฝนตกลงมาอีก การระบายน้ำท้ายเขื่อนจะลดลง แต่หากยังมีฝนตกลงมา อาจทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20 เซนติเมตร จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งให้เก็บของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหาย

ทั้งนี้ การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตรา 2,213 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ทำให้ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ระดับน้ำที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท น้ำสูงขึ้นจากช่วงเช้าอีก 3 เซนติเมตร จาก 38 เซนติเมตร เป็น 41 เซนติเมตร และได้ไหลเข้าท่วมถนนในหมู่บ้าน และบ้านเรือนประชาชนที่หมู่ 1, 2 ต.ตลุก อ.สรรพยา ชาวบ้านจำนวนกว่า 100 คน ต้องออกมาช่วยกันก่อกระสอบทรายทำคันกั้นน้ำ และต้องเร่งมือทำงานเพราะนอกจากน้ำเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มสูงขึ้นแล้ว ยังจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่ด้วย

นายดำรง ดำรงพันธ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กล่าวว่า น้ำเจ้าพระยาได้ไหลเข้าท่วมถนน และบ้านเรือนประชาชนที่หมู่ที่ 1 และหมู่ 2 จึงต้องเร่งก่อกระสอบทรายทำแนวป้องกันตรงจุดที่ต่ำที่สุด 3 จุด ตั้งแต่หน้าวัดอินทราราม เรื่อยไประยะทางประมาณ 400 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมหมู่บ้านขยายวงกว้าง โดยได้ก่อกระสอบทรายซ้อนกัน 4 ชั้นก่อน จากนั้นจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หากน้ำสูงขึ้นก็จะก่อเพิ่มอีก 2 ชั้น