จัดระเบียบรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ย้ายเข้าสถานีขนส่ง 3 แห่ง วันแรกยังไม่พร้อมเท่าที่ควร ประชาชนยังสับสน ด้านผู้ประกอบการบ่นทำผู้โดยสารหายไป 75-80% หวั่นขาดทุนหนักจนอยู่ไม่รอด แถม บขส.ยังเตรียมสถานีที่ไม่พร้อม ไม่มีที่นั่งรอผู้โดยสาร ไม่มีที่บังแดด บังฝน ด้าน ขสมก.จัดรถชัตเติลบัส 28 คัน วิ่งฟรีเข้า 3 สถานี โดยยอมแบกต้นทุน 12,000 บาท/คัน “ออมสิน” เผยนายกฯ กำชับคมนาคมดูแลความสะดวกหวั่นประชาชนเดือดร้อน ซึ่งจะประเมินผลการให้บริการในทุกวัน เพื่อปรับแก้จุดที่ยังเป็นปัญหา
วันนี้ (25 ต.ค.) วันแรกของการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะ หมวด 2 วิ่งเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัด ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร โดยย้ายจุดจอดจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเข้าใช้พื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สถานีขนส่งจตุจักร, สายใต้ (ปิ่นเกล้า), เอกมัย โดยนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ตรวจความเรียบร้อยที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ พร้อมกับทดลองนั่งรถชัตเติลบัสจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-หมอชิต 2 ซึ่งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดบริการฟรีเพื่ออำนวยความสะดวก
นายออมสินกล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ได้มีการย้ายรถตู้ประจำทาง หมวด 2 วิ่งเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัด ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร จากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ จำนวน 4,205 คัน เข้าใช้พื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง จากรายงานตั้งแต่ช่วงเช้าภาพรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยรอบอนุสาวรีย์ฯ เดิมที่เป็นจุดจอดรถตู้โดยสารต่างจังหวัดนั้นมีที่เกาะพญาไท, เกาะราชวิถี, เกาะพหลโยธิน, เกาะดินแดง ที่วันนี้อาจจะมีประชาชนบางคนยังสับสนและสงสัยว่าจุดเดิมที่เคยขึ้นรถตู้อยู่เกาะไหน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ ขสมก. กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะต้องให้ข้อมูลแก่ประชาชนเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ได้รายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการจัดระเบียบรถตู้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยกำชับให้ดูแลการให้บริการประชาชนเพราะไม่ต้องการให้มีการจัดระเบียบ ย้ายจุดจอดรถตู้แล้วทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของกระทรวงคมนาคมซึ่งในกระทรวงคมนาคม ขสมก., ขบ. และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และทหาร ตำรวจ ร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะมีการประเมินผลอีกครั้งในช่วงเย็นที่จะมีประชาชนเดินทางมาก และจะประเมินในทุกๆ วันเพื่อปรับแก้
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ขสมก.ได้จัดจัดรถชัตเติลบัสเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ-สถานีขนส่งจตุจักร 8 คัน, อนุสาวรีย์ชัยฯ-สายใต้ (ปิ่นเกล้า) 12 คัน และอนุสาวรีย์ชัยฯ-เอกมัย 8 คัน เป็นรถปรับอากาศ โดยดึงมาจากรถที่ให้บริการในเส้นทางปกติ แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อการให้บริการในเส้นทางนั้นและแม้จะเป็นบริการฟรีขาดรายได้ แต่เป็นการทำเพื่อประชาชน
ขสมก.แบกต้นทุนรถชัตเติลบัส คันละ 12,000 บาท/วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้น ขสมก.รถชัตเติลบัสฟรี วิ่งไปยังสถานีขนส่ง 3 แห่งประมาณ 6 เดือน เพื่ออำนวยความสะดวกในช่วงแรก หลังจากนั้นจะประเมินอีกครั้งว่า ประชาชนมีความเข้าใจในการเดินทางแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ รถปรับอากาศที่นำมาวิ่งให้บริการฟรี เป็นรถชัตเตอร์บัสนั้น มีต้นทุนประมาณ 12,000 บาท/คัน/วัน ในส่วนนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มที่ ขสมก.ต้องแบกรับ และยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการอุดหนุนจากรัฐบาล
ด้านผู้ใช้บริการบางส่วนระบุว่า การย้ายรถตู้โดยสารไปที่สถานีขนส่งทำให้การเดินทางไม่สะดวก เพราะต้องต่อรถหลายทอด โดยผู้หญิงรายหนึ่งอายุ 60 ปี ระบุว่า เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดนครสวรรค์เป็นประจำ โดยใช้บริการรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิซึ่งมีความสะดวกเพราะสามารถต่อรถได้ทันที แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบย้ายไปที่สถานีหมอชิตแทนก็เห็นด้วยแม้จะไม่สะดวกบ้างในช่วงแรก แต่ในภาพรวมถือว่าเป็นการจัดระเบียบเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ผู้ประกอบการรถตู้โอดผู้โดยสารหายหวั่นไปไม่รอด
ในด้านผู้ประกอบการรถตู้ “วินทีทัวร์ 9905” เส้นทางกรุงเทพ-เกาะล้าน, พัทยา ให้ข้อมูลว่า จุดจอดเดิมที่ห้างเซ็นจูรี่ ซอยรางน้ำอนุสาวรีย์ชัยฯ มีค่าเช่าที่จอดรถซึ่งเป็นที่ส่วนบุคคล 35,000 บาท/เดือน การย้ายมาสถานีหมอชิตช่วง 6 เดือนแรก บขส.จะยังไม่เก็บค่าเช่าที่ แต่จำนวนผู้โดยสารลดลงมาก จากปกติ ช่วงเช้าตั้งแต่ 05.30-13.30 น.จะปล่อยรถ 12-13 เที่ยว แต่วันนี้เพิ่งไปได้ 4 เที่ยวเท่านั้น และมีผู้โดยสารเพียง 4-5 คน/คันเท่านั้น ผู้โดยสารหายไป 75-80% นอกจากนี้ สถานที่ บขส.ยังไม่มีความพร้อม ไม่มีที่นั่งรอสำหรับผู้โดยสาร ที่บังแดด บังฝนไม่พอ ทำให้ตอนนี้ต้นทุนเพิ่มเพราะต้องจ้างนายท่าเพิ่มจาก 1 คน เป็น 2 คนๆ ละ 600 บาท/วัน เนื่องจากซองจอดรถตู้ไม่ตรงกับเคาน์เตอร์ขายตั๋ว จึงต้องคอยเดินไปส่งผู้โดยสารขึ้นขณะที่เที่ยววิ่งลดลง คนขับมีรายได้ลดลงหากไม่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ผู้ประกอบการจำนวนมากอาจจะอยู่ไม่ไหว เพราะอาจจะมีรายได้ไม่พอกับค่างวดรถ
นายนพรัตน์ การุณยะวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ บขส.กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานจัดระเบียบรถตู้ ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการนำรถตู้เข้าใช้สถานีขนส่งฯ ขณะที่ผู้โดยสารที่เดินทางโดยรถตู้เป็นประจำก็เดินทางมาขึ้นรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารฯ จึงมั่นใจได้ว่าการประชาสัมพันธ์ที่ผ่านมาได้ผล ประชาชนรับรู้ข่าวสาร อย่างไรก็ดี บขส.จะทำการปรับปรุงป้ายประชาสัมพันธ์ภายในสถานีขนส่งฯ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการพื้นที่สถานีขนส่งจตุจักร รองรับจำนวนรถได้ 2,046 คัน สถานีสายใต้ ปิ่นเกล้า รองรับได้ 1,617 คัน และสถานีเอกมัย รองรับได้ 542คัน
ในส่วนของการจัดรถชัตเติลบัสอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดรถชัตเติลบัส วิ่งให้บริการรับส่งเส้นทางอนุสาวรีย์ฯ-หมอชิต 2, รถไฟฟ้า BTS จตุจักร-หมอชิต 2, เส้นทางอนุสาวรีย์ฯ-เอกมัย และเส้นทางอนุสาวรีย์ฯ-ปิ่นเกล้า โดยจะเดินรถตั้งแต่เวลา 05.00-10.00 น. และเวลา 16.00-20.00 น. ซึ่งจากการเดินรถเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่าผู้ใช้บริการมีความต้องการเดินทางไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารฯ สายใต้ (ปิ่นเกล้า) เป็นจำนวนมาก ขสมก.จึงได้จัดรถชัตเตอร์ในเส้นทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปกติอีก จำนวน 5 คัน เพื่อให้บริการประชาชน
“ในระยะเวลา 6 เดือนหลังนี้ บขส.จะพิจารณาปรับเวลาการเดินรถ จำนวนเที่ยววิ่ง, เส้นทาง ให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน เช่น กำหนดให้มีผู้ประกอยการรายเดียวเดินรถใน 1 เส้นทาง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และ บขส.สามารถเข้าควบคุมดูแล เรื่องความปลอดภัยทั้งตัวรถโดยสาร และพนักงานขับรถได้ด้วย”