นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้จะเริ่มแผนจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะหมวด 2 ที่วิ่งให้บริการเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัด ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร ต้องเข้าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต), สถานีขนส่งสายใต้ (ปิ่นเกล้า) และสถานีขนส่งเอกมัย เป็นจุดจอดรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งคณะกรรมการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหารถตู้โดยสารสาธารณะจะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด ผ่านการทำงานประสานความร่วมมือ ในการกำกับดูแลการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ทหาร, ตำรวจ, บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), กรมการขนส่งทางบก, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรุงเทพมหานคร เพื่อดูแลความปลอดภัย และป้องกันมิจฉาชีพและการเอาเปรียบ
ด้าน บขส. ได้จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับรถตู้เข้าใช้ในพื้นที่พร้อมทุกด้านแล้ว มีจุดจอดรอ จุดพักคอยสำหรับรถตู้รองรับเพียงพอ โดยสถานีขนส่งจตุจักรรองรับจำนวนรถได้ 2,046 คัน สถานีขนส่งสายใต้ (ปิ่นเกล้า) รองรับได้ 1,617 คัน และสถานีขนส่งเอกมัยรองรับได้ 542 คัน รวม 4,205 คัน โดยจัดจุดจอดแบ่งตามเกาะต่างๆ เหมือนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อความคุ้นชินของผู้โดยสาร และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ขสมก. ได้จัดรถ Shuttle bus วิ่งให้บริการรับส่งฟรี ในเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง อย่างเพียงพอ พร้อมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วม 4 จุด คือที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่งและที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เพื่อร่วมติดตามประเมินผลการให้บริการเป็นประจำทุกวัน ซึ่งผู้โดยสารที่ใช้บริการสามารถแสดงความคิดเห็น แนะนำการให้บริการเพื่อปรับปรุงแนวทางการให้บริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสารมากที่สุด
ส่วนรถตู้โดยสารสาธารณะจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ ต้องจอดให้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารประจำจังหวัดด้วย หรือสถานที่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดจัดไว้ให้ใช้เป็นจุดบริการ
นายสนิท กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนไม่นำรถตู้เข้าใช้สถานีทั้ง 3 แห่ง มีความผิดทั้งพนักงานขับรถและผู้ประกอบการขนส่ง โดยกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการมาตรการลงโทษสูงสุดตามกฎหมายทุกกรณี และหากพบการกระทำผิดซ้ำซากพิจารณาเพิกถอนรถออกจากบัญชีประกอบการและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการเดินรถด้วย
ทั้งนี้ การจัดระเบียบและกำหนดให้ต้องเข้าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสาร เป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ทางราชการได้กำหนดให้รถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นต้นทางและปลายทาง โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลการบริหารจัดการเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชน บริหารจัดการตารางการเดินรถ ควบคุมอัตราค่าโดยสาร การเรียกเก็บค่าโดยสาร แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เขตเมืองของกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการให้บริการให้มีมาตรฐาน สร้างความพึงพอใจและเชื่อมั่นในการเดินทาง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดการเดินทาง หรือร้องเรียนปัญหาจากการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะ โทร. 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการย้ายคิวรถตู้ในครั้งนี้ จะเป็นการย้ายเฉพาะรถตู้ที่วิ่งระหว่างจังหวัดเท่านั้น ส่วนรถตู้ที่วิ่งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยังไม่ย้าย สามารถขึ้นได้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เหมือนเดิม
ด้าน บขส. ได้จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับรถตู้เข้าใช้ในพื้นที่พร้อมทุกด้านแล้ว มีจุดจอดรอ จุดพักคอยสำหรับรถตู้รองรับเพียงพอ โดยสถานีขนส่งจตุจักรรองรับจำนวนรถได้ 2,046 คัน สถานีขนส่งสายใต้ (ปิ่นเกล้า) รองรับได้ 1,617 คัน และสถานีขนส่งเอกมัยรองรับได้ 542 คัน รวม 4,205 คัน โดยจัดจุดจอดแบ่งตามเกาะต่างๆ เหมือนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อความคุ้นชินของผู้โดยสาร และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ขสมก. ได้จัดรถ Shuttle bus วิ่งให้บริการรับส่งฟรี ในเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง อย่างเพียงพอ พร้อมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วม 4 จุด คือที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่งและที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เพื่อร่วมติดตามประเมินผลการให้บริการเป็นประจำทุกวัน ซึ่งผู้โดยสารที่ใช้บริการสามารถแสดงความคิดเห็น แนะนำการให้บริการเพื่อปรับปรุงแนวทางการให้บริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสารมากที่สุด
ส่วนรถตู้โดยสารสาธารณะจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ ต้องจอดให้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารประจำจังหวัดด้วย หรือสถานที่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดจัดไว้ให้ใช้เป็นจุดบริการ
นายสนิท กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนไม่นำรถตู้เข้าใช้สถานีทั้ง 3 แห่ง มีความผิดทั้งพนักงานขับรถและผู้ประกอบการขนส่ง โดยกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการมาตรการลงโทษสูงสุดตามกฎหมายทุกกรณี และหากพบการกระทำผิดซ้ำซากพิจารณาเพิกถอนรถออกจากบัญชีประกอบการและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการเดินรถด้วย
ทั้งนี้ การจัดระเบียบและกำหนดให้ต้องเข้าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสาร เป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ทางราชการได้กำหนดให้รถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นต้นทางและปลายทาง โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลการบริหารจัดการเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชน บริหารจัดการตารางการเดินรถ ควบคุมอัตราค่าโดยสาร การเรียกเก็บค่าโดยสาร แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เขตเมืองของกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการให้บริการให้มีมาตรฐาน สร้างความพึงพอใจและเชื่อมั่นในการเดินทาง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดการเดินทาง หรือร้องเรียนปัญหาจากการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะ โทร. 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการย้ายคิวรถตู้ในครั้งนี้ จะเป็นการย้ายเฉพาะรถตู้ที่วิ่งระหว่างจังหวัดเท่านั้น ส่วนรถตู้ที่วิ่งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยังไม่ย้าย สามารถขึ้นได้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เหมือนเดิม