“สมคิด” สั่ง กทพ.เดินหน้าตั้งกองทุน TFF ระดมทุนกองแรก 3.2 หมื่นล้าน ลงทุนด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ประเดิมเป็นหน่วยแรก คาดปลายปี 59 จัดตั้งกองทุนได้ และเปิดขายต้นปี 60 ขณะที่ กทพ.คาดเปิดประมูล มี.ค.-เม.ย. 60 แบ่ง 4 สัญญางานโยธา เผยดอกเบี้ย TFF ประมาณ 5% น่าจะจูงใจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมพร้อมให้นโยบายการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่าได้รับฟังความคืบหน้าของแผนงานต่างๆ ที่จะมีการดำเนินงานในอนาคต และการเบิกจ่ายงบประมาณซึ่งถือว่าเป็นไปได้ดีพอประมาณ โดยงบลงทุนเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยดูแลเศรษฐกิจในขณะนี้ พร้อมทั้งได้ให้แนวทางในการดำเนินโครงการของ กทพ.โดยใช้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ซึ่งในปี 2560 กทพ.จะเป็นกลไกสำคัญมากสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยให้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อย่างเต็มที่ โดยตามแผนกองทุน TFF ของ กทพ.จะจัดตั้งได้ปลายปี 2559 นี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการของกรมทางหลวง (ทล.) จะใช้ใช้กองทุน TFF ในลงทุนด้วย
ด้าน พล.อ.วิวรรธน์ สุชาติ ประธานกรรมการ (บอร์ด) กทพ.กล่าวว่า กทพ.จะลงทุนโครงการก่อสร้างทางพิเศษ สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนฯ ด้านตะวันตก ระยะทาง 16.92 กิโลเมตร (กม.) วงเงินประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยระดมทุนจากกองทุน TFF โดยเตรียเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติโครงการและออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินได้ปลายปีนี้ คาดว่าจะเปิดประมูลก่อสร้างประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย. 2560 ได้ตัวผู้รับเหมาเดือน พ.ค. 2560 โดยจะแบ่งสัญญาก่อสร้างงานโยธาออกเป็น 4 สัญญา งานระบบ 1 สัญญา
ทั้งนี้ กรอบเวลาในการจัดตั้งกองทุน และระดมทุนจะพอดีกับได้ตัวผู้รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากหลังจัดตั้งกองทุนจะใช้เวลาอีกระยะในการขายกองทุน โดย กทพ.จะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากรายได้ค่าผ่านทางด่วนในปัจจุบันประมาณ 4,000-6,000 ล้านบาทต่อปี เข้ากองทุน
นายเอกนิติ นิติธรรณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สคร.กล่าวว่า กทพ.จะเป็นหน่วยงานต้นแบบของ กองทุน TFF เพราะจะระดมทุนเป็นกองแรกและเป็นรูปธรรม ในโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนฯ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยจะนำรายได้จากค่าผ่านทาง ซึ่งประเมินไว้ 3 โครงการที่มีรายได้แน่นอน คือ ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี), ทางพิเศษฉลองรัฐ (รามอินทรา-วงแหวนรอบนอก), ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) โดยแบ่งรายได้เข้ากองทุนประมาณ 50% ระยะเวลา 30 ปี ซึ่ง สคร.จะจ้างที่ปรึกษาการเงินอิสระเข้ามาประเมินรายได้ และความเหมาะสมของอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทนต่างๆ อีกครั้ง โดยอัตราผลตอบแทนของกองทุนจะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากแน่นอนเพื่อจูงใจ
“คาดว่าจะสรุปข้อมูลนำเสนอเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงปลายปี 2560 ซึ่งจะมีเวลาในการขายกองทุน โดยจะเป็นกองทุนปิดขายเมื่อใดก็ได้ นอกจากนี้จะมีกองทุนมอเตอร์เวย์ของกรมทางหลวง ที่จะนำรายได้จากค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์สาย 7, 9 มาระดมทุนเพื่อก่อสร้างมอเตอร์สายใหม่”
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการระดมทุน TFF ไม่ใช่การแปรรูป ไม่มีการขายทรัพย์สิน เป็นประเด็นที่จัทำให้ฐานะการเงินของ กทพ.ดีขึ้น และสามารถลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยได้เพราะช่วงแรกเงินจากกองทุนจะมาเป็นก้อนใหญ่ แต่จะทยอยจ่ายให้ผู้รับเหมาเป็นช่วงๆ ดังนั้นสามารถนำส่วนที่เหลือไปจ่ายดอกเบี้ยของ กทพ.ในบางส่วนได้ และจะไม่มีผลกระทบต่อพนักงานแน่นอน
นายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการ กทพ.กล่าวว่า การลงทุนก่อสร้างทางด่วนเดิมจะใช้เงินกู้ซึ่งมีดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 2.8-3.5% ต่อมา กทพ.จะจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเอง โดยจ้างที่ปรึกษาการเงินประเมินผลตอบแทนกองทุนไว้ที่ประมาณ 2-3% ขณะที่หากเป็นกองทุน TFF คาดว่าดอกเบี้ยอาจจะถึง 5% เพื่อจูงใจ ทั้งนี้ขึ้นกับที่ปรึกษาการเงิน สคร.จะประเมิน
โดยปี 2559 กทพ.มีรายได้รวม 16,000 ล้านบาท มีกำไร 8,900 ล้านบาท คาดว่าปี 2560 รายได้จะเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีหนี้สินประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งในการระดมทุนจากกองทุนนั้น จะได้เงินมาเป็นก้อน ขณะที่การจ่ายค่าก่อสร้างจะทยอยเป็นงวดๆ ดังนั้นจะต้องมีการบริหารเงินให้มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่ง สคร.จะช่วยคิดรูปแบบในการนำเงินจากกองทุนในช่วงแรกไปช่วยชำระหนี้บางส่วนก่อน เช่น หนี้ที่ครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยพอดี เป็นต้น