ครม.อนุมัติ “กรมทางหลวง” กู้เอดีบี วงเงิน 3,404 ล้าน ขยายถนน 4 เลนระยะ 2 ระยะทางรวม 124.9 กม. โดยจะใช้งบประมาณอีก 50% ช่วยดำเนินการ “อาคม” เผยแผน 4 เลนระยะ 2 มีระยะทางรวม 5,270 กม. ก่อสร้างเสร็จแล้ว 3,538 กม.กำลังก่อสร้าง 658 กม. ที่เหลือจะเร่งดำเนินการเพื่อเชื่อมโครงข่ายถนน AEC และเปิดประตูการค้าชายแดนให้มีความสะดวก พร้อมยังผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A สร้างถนน 4 เลน ทล.304 ช่วงกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว เชื่อมภาคอีสาน-ตะวันออกอีกด้วย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขออนุมัติขยายวงเงินกู้เพิ่มเติมจากธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงสายหลักของกรมทางหลวง (ทล.) เป็น 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วง อ.หนองหาน-อ.พังโคน และทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร-นครพนม (กิโลเมตรที่ 180-213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด-ยโสธร ระยะทางรวม 124.9 กม. ค่าก่อสร้างรวม 6,808 ล้านบาท โดยให้ดำเนินโครงการโดยใช้งบประมาณ 50% จำนวน 3,404 ล้านบาท และใช้เงินกู้ 50% โดยจะกู้จากเอดีบี จำนวน 3,404 ล้านบาท
โดยตามแผนแม่บทขยาย 4 ช่องจราจร ระยะ 2 ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อเชื่อมต่อ AEC และเปิดประตูการค้าชายแดน เพื่อความสะดวกในการขนส่งและสัญจร มีระยะทางทั้งสิ้น 5,270 กม. จำนวน 11 โครงข่าย โดยได้ดำเนินการแล้วเสร็จระยะทาง 3,538 กม. อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 658 กม. ยังไม่ได้รับงบประมาณ 1,073 กม. ซึ่งในส่วนที่ ครม.อนุมัติเงินกู้เอดีบีและงบประมาณร่วมกันล่าสุดที่ 124.9 กม. ทำให้เหลืออีก 948.6 กม.ที่คาดว่าจะได้รับการจัดงบประมาณในปี 2561 ดำเนินการต่อไป
“ก่อนหน้านี้การขยาย 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะทางประมาณ 100 กม.ที่ก่อสร้างเสร็จแล้วได้ใช้เงินกู้ของเอดีบีดำเนินการ ซึ่งเอดีบีเห็นว่ากรมทางหลวงสามารถดำเนินงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพและบริหารจัดการสัญญาเงินกู้ได้ตามสัญญา จึงเสนอการขยายวงเงินกู้เพิ่มเติมให้ โดยกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาใช้ในเส้นทางที่สำคัญเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายตะวันตก-ตะวันออก ให้สมบูรณ์ ทั้งช่วงแม่สอด-พิษณุโลก-หล่มสัก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-กาฬสินธุ์-มุกดาหาร, ช่วงตะวันตก-ตะวันออกด้านบน จาก จ.เลยไปยังภาคเหนือ และช่วงตะวันตก-ตะวันออก ตอนล่างจากขอนแก่น-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-ยโสธร-อุบลราชธานี-ช่องเม็ก ซึ่งจะเชื่อมไปยังปากเซ สปป.ลาวได้” นายอาคมกล่าว
นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A ตามมติ ครม.วันที่ 23 ธ.ค. 2546 และมติ ครม.วันที่ 13 พ.ย. 2550 สำหรับก่อสร้างทาง 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 304 จำนวน 2 ตอน คือ ช่วง อ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว ตอนที่ 3 และ ช่วงกบินทร์บุรี-ปักธงชัย จ.ปราจีนบุรี ระยะทางรวม 16.7 กม. โดยให้กรมทางหลวงประสานงานร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการก่อสร้าง โดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นไปตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเสนอแนะไว้ โดยเส้นทางดังกล่าวจะทำให้การเชื่อมต่อระหว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคตะวันออกผ่านพื้นที่ป่าไม้และอุทยาน ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณการจราจรหนาแน่น และอุบัติเหตุบ่อย เกิดความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น