ผู้จัดการรายวัน 360 - “มัดแมน” ฉลอง 35 ปี ดัน “ดังกิ้นโดนัท” สู่ภาพลักษณ์ใหม่มีมากกว่าโดนัท ล่าสุดเตรียมส่ง 2 โมเดลใหม่แบบ “ไดรฟ์ทรู” และ “ฟูลคอนเซ็ปต์” ทะลวงคอกาแฟและกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้นในปี 60 จากแผนการขยายทั้งปี 12-15 สาขาด้วยงบ 60 ล้านบาท งบลงทุนรวมทั้งหมด 180-200 ล้านบาท หลังพบปีนี้ยอดขายดีกว่าปีก่อนที่ปิดไป 1.2 พันล้านบาท มั่นใจ “ดังกิ้นโดนัท” ยังเป็นเรือธง และทำรายได้กว่า 40% ของภาพรวมบริษัท
นายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน “ดังกิ้นโดนัท” เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเฉพาะแต่โดนัทเป็นหลักในสัดส่วน 80% ซึ่งบริษัทฯ ต้องการที่จะสื่อสารสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาที่มียอดขายกาแฟกว่า 70-80% หรืออย่างเกาหลีใต้ที่สัดส่วนโดนัทและกาแฟมียอดขาย 50% เท่ากัน
แผนการดำเนินงานในปี 2560 จึงจะมุ่งนำเสนอแบรนด์เพอร์เซพชันจากโดนัทไปสู่กาแฟซึ่งถือเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ได้รับการตอบรับดีจากต่างประเทศ ภายใต้งบการลงทุนขยายสาขา 50-60 ล้านบาทกับ 12-15 สาขาที่ขยายต่อเนื่องทุกปี ขณะที่ในปี 2560 ยังจะเพิ่ม 2 โมเดลใหม่เข้ามา คือ 1.“ไดรฟ์ทรู” ตั้งเป้า 1 สาขาเน้นชานเมืองกรุงเทพฯ เป็นหลักภายใต้ทำเลคอมมูนิตีมอลล์เพื่อทดลองตลาดก่อน โดยจะเน้นเมนูหลักเป็นกาแฟและเมนูอาหารเช้า คาดใช้งบลงทุน 2-3 ล้านบาท
2. “ฟูลคอนเซ็ปต์” จะมีเมนูสินค้าหลากหลายจากร้านปกติ เช่น เมนูอาหารเช้าตลอดวัน, แซนด์วิชและกาแฟพรีเมียมจากสหรัฐอเมริกา โดยจะเริ่มเปิดให้บริการปลายปีนี้ที่ The Jas Urban ศรีนครินทร์ บนพื้นที่ 120 ตร.ม. และติดกันเป็นร้านบาสกิ้น ร้อบบิ้นส์ อีก 80 ตร.ม. ที่เชื่อมเข้าออกถึงกัน ด้วยงบลงทุนราว 3-5 ล้านบาท และถือเป็นสาขาที่ 2 หมื่นของดังกิ้นทั่วโลก จากปัจจุบันในไทยมีทั้งหมด 280 สาขา และกว่า 80% เป็นลักษณะ “คีออสก์” โดยในอีก 5 ปีจะขยายเพิ่มอีก 100 สาขาทั่วประเทศ
ในส่วนของยอดขายในปี 2559 มีแนวโน้มเติบโตไปในทางที่ดี เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ปิดรายได้ไป 1.2 พันล้านบาท ทรงตัวหรือลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากมีการปรับงบการตลาดที่ใช้ 5% ของรายได้มาเน้นในส่วนของโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทั้งยังมีการทำโปรโมชันส่งเสริมการขาย เช่น แคมเปญ “ว้าวเดย์” รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ และการฉลอง 35 ปี “ดังกิ้นโดนัท” ในไทย
ตลาดรวมโดนัทมูลค่า 4 พันล้านบาท ยังคงเติบโตปีละ 15% ขณะที่การแข่งขันสูงขึ้นจากการทำตลาดยากขึ้น เพราะมีผู้เล่นจากเซกเมนต์อื่นเข้ามารุกขายโดนัทเพิ่ม เช่น กลุ่มเบเกอรี ขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้จากที่ไตรมาสแรกค่อนข้างดีแต่ไตรมาสสองกลับลดลง และพอมาถึงไตรมาสสามเริ่มฟื้นตัว ส่วนในไตรมาสสี่มั่นใจว่าจะกลับมาดีขึ้น
“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ดังกิ้นโดนัทต้องทำงานหนักมากขึ้น จากเดิมวางแผนสื่อและวางแผนการตลาดแบบระยะยาวกลายเป็นต้องทำแบบระยะสั้นวันต่อวัน หรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ตามกระแสโซเชียลและมีเดียใหม่ๆ ที่เข้ามามีผลต่อชีวิตประจำวัน บวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี จึงต้องมีการปรับตัว รีวิวแผน และรองรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา”
นายนาดิมกล่าวต่อว่า ในภาพรวม “มัดแมน” ยังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่อง หรือใช้งบประมาณราว 180-200 ล้านบาทต่อปีในการขยายสาขาทุกแบรนด์รวมกัน จากปัจจุบันบริหารงานอยู่ 5 แบรนด์ คือ 1. ดังกิ้นโดนัท ขยาย 12-15 สาขาต่อปี เฉลี่ยสาขาละ 2-3 ล้านบาท และทำรายได้หลักในสัดส่วน 40% 2. โอปองแปง ขยาย 5 สาขาต่อปี ลงทุนสาขาละ 5-6 ล้านบาท ทำรายได้ 30% 3. เกรย์ฮาวด์คาเฟ่ ขยาย 4 สาขาต่อปี ลงทุนสาขาละ 15-20 ล้านบาท ทำรายได้ 20% 4. บาสกิ้น ร้อบบิ้นส์ ขยาย 5 สาขาต่อปี ลงทุนสาขาละ 2.5 ล้านบาท ทำรายได้น้อยกว่า 5% และ 5. เอ็ม คิทเช่น และ ครัว รพ.รามคำแหง สองแบรนด์รวมกันทำรายได้ต่ำกว่า 5%