เจ.ดี.พูลส์ เผยตลาดสระว่ายน้ำครึ่งปีแรกขยายตัวช้า ตลาดเน้นลดต้นทุนตัดราคาขายคู่แข่งส่งผลสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โฆษณาผ่านโซเชียลเกินจริง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจ คาดตลาดสระว่ายน้ำปี 59 มูลค่า 5,000 ล้านบาท วางเป้าแชร์ส่วนแบ่ง 20% ยอดขาย 1,000 ล้านบาท
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำในรูปแบบแฟรนไชส์ กล่าวว่า ตลาดรวมรับสร้างสระว่ายน้ำครึ่งแรกปี 59 ขยายตัวต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบความไม่เชื่อมั่นผู้บริโภค และเศรษฐกิจประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ส่งผลให้ตลาดยังมีการแข่งขันราคากันรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และรายใหม่ ต่างเน้นการลดต้นทุน หรือใช้วัสดุราคาประหยัด เพื่อตัดราคาขายคู่แข่ง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพ และอายุการใช้งาน หากผู้บริโภคไม่เข้าใจ หรือศึกษารายละเอียดไม่ดีพอ หรือเน้นราคาถูก อาจได้สินค้า และบริการไม่คุ้มราคา
“ปัจจุบัน ตลาดรับสร้างสระว่ายน้ำแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.สระบ้านเดี่ยวพักอาศัย 2.สระขนาดใหญ่สำหรับโรงแรม และรีสอร์ต 3.บ้านพร้อมสระ หรือ Pool Villa และ 4.สระสวนน้ำ โดยกลุ่มที่ขยายตัวมากที่สุด คือ สระบ้านเดี่ยวขนาดเล็ก หรือมูลค่าไม่เกิน 8 แสนบาท โดยมีผู้ประกอบการรายย่อยส่วนใหญ่แข่งขันชิงแชร์ส่วนแบ่งกันเป็นหลัก ขณะที่ตลาดกลุ่ม Pool Villa เติบโตต่อเนื่อง แต่ไม่หวือหวามากนัก สำหรับสระขนาดใหญ่ และสวนน้ำตลาดรวมยังทรงตัว
“เราพบว่า ผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาแข่งขันในตลาดสระว่ายน้ำ ใช้กลยุทธ์โฆษณาเกินจริงบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล และน่าเป็นห่วง สำหรับราคาสร้างสระว่ายน้ำที่แท้จริง โดยผู้ให้บริการมืออาชีพ รวมถึงอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หรือผิดสัญญาระหว่างกัน กรณีไม่สามารถให้บริการสร้างสระว่ายน้ำได้โฆษณาไว้ และสุดท้ายจะส่งผลด้านลบต่อภาพรวมธุรกิจสร้างสระว่ายน้ำ”
ทั้งนี้ ในปี 59 บริษัทฯ ประเมินปริมาณ และมูลค่าตลาดรับสร้างสระว่ายน้ำไว้ 5,000 ล้านบาทเศษ โดยในส่วนของ เจ.ดี.พลูส์ ตั้งเป้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดไว้ 20% หรือมียอดขาย 1,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้ว 440 ล้านบาทเศษ ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ โดยมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังความเชื่อมั่นผู้บริโภค และทิศทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น และส่งผลดีต่อยอดขาย
โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการขยายสาขาใหม่ ได้แก่ ปากช่อง นครศรีธรรมราช ทำให้ขณะนี้มีสาขาให้บริการแล้ว 20 สาขาทั่วประเทศ และในช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าว่าจะขยายสาขาเพิ่มอีก 4 สาขา เน้นสาขาต่างจังหวัด ทั้งในรูปแบบการลงทุนเอง และแฟรนไชส์ ทั้งนี้ จังหวัดเป้าหมายที่คาดว่าจะเปิดใหม่ ขณะนี้มีผู้สนใจแล้ว 10 ราย