ผู้จัดการรายวัน 360 - โรงพยาบาลพญาไท 2 รีโนเวต “ศูนย์สุขภาพเด็ก” ครั้งใหญ่ในรอบ 29 ปี เพิ่มพื้นที่ใช้สอย 2 เท่าตัวเป็น 1.4 พัน ตร.ม. ชูจุดเด่นแยกพื้นที่เด็กป่วยและเด็กสุขภาพดี พร้อมระดมทีมแพทย์ประจำและนอกเวลา 60-70 คนให้บริการครบวงจร 24 ชั่วโมง คาดปี 59 แผนกเด็กทำรายได้ 25-30% จากเป้ารายได้ 3.6-3.7 พันล้านบาท พร้อมเตรียมแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มสัดส่วนคนไข้ต่างชาติเป็น 40-50% ใน 5 ปี
นายแพทย์ อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 เปิดเผยว่า โรงพยาบาลฯ ใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาทพัฒนา “ศูนย์สุขภาพเด็ก” ที่ก่อตั้งมาพร้อมกับโรงพยาบาลฯ เมื่อปี 2530 โดยเน้นจุดเด่น 2 ส่วนสำคัญ คือ ขยายพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1.4 พัน ตร.ม. พร้อมปรับภูมิทัศน์ให้มีบรรยากาศผ่อนคลายเป็นกันเองและมีความเป็นมิตรมากขึ้นเพื่อไม่ให้เด็กมีความรู้สึกหวาดกลัวเหมือนโรงพยาบาลทั่วไป
จุดเด่นที่สำคัญอีกด้านคือ มีทีมกุมารแพทย์ประจำและนอกเวลาที่เชี่ยวชาญครบทุกสาขาประมาณ 60-70 ท่าน พร้อมด้วยพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพและมีประสบการณ์สูงในการดูแลผู้ป่วยเด็กแบบ One Stop Service ทั้งยังเพิ่มจำนวนห้องตรวจจาก 8-9 ห้องเป็น 17 ห้อง ให้บริการครบวงจร 24 ชั่วโมง ได้แก่ คลินิกทารกแรกเกิด, คลินิกโรคหัวใจ, คลินิกพัฒนาการและการเติบโต, คลินิกโรคภูมิแพ้, คลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ, คลินิกจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น, ศูนย์ปลูกถ่ายไขกระดูก, ห้องปลอดเชื้อ, ห้องให้การพยาบาลแยกจากห้องฉีดวัคซีน, ห้องให้นมบุตร และโซนเด็กเล่นเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ เป็นต้น
“การรีโนเวตครั้งนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือน พ.ย. 58 และเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือน ก.ค. 59 ส่งผลให้แผนกเด็กมีรายได้เติบโตขึ้นถึง 75% จากปกติที่เติบโตเฉลี่ย 10% โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาโรงพยาบาลฯ มีรายได้รวม 1,817 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในปี 2559 มีเป้าหมายรายได้เติบโตขึ้น 7% แต่คาดว่าจะสูงกว่าเป้าหมายเป็น 10% หรือประมาณ 3.6-3.7 พันล้านบาท โดยแผนกเด็กจะมีสัดส่วนในการทำรายได้ประมาณ 25-30%”
โรงพยาบาลพญาไท 2 ถือเป็นผู้นำตลาดกลุ่มเป้าหมายเด็กแรกเกิดจนถึงวัย 15 ปี แบ่งเป็นกลุ่มเด็กป่วยและเด็กสุขภาพดีที่ใช้บริการด้านฉีดวัคซีนและอื่นๆ โดยแต่ละเดือนมีทารกเกิดใหม่เฉลี่ย 100-120 คน ขณะที่เด็กป่วยที่รับการบริการมีจำนวนมากกว่าเด็กสุขภาพดีและทารกเกิดใหม่ประมาณ 2 เท่า การพัฒนาศูนย์สุขภาพเด็กครั้งนี้จึงเป็นการปรับปรุงเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาใช้บริการได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยคาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนประมาณ 2 ปี
นายแพทย์ อนันตศักดิ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลฯ มีผู้เข้ารับการรักษาเฉลี่ยวันละประมาณ 1.7-2 พันคน คิดเป็นผู้ป่วยเด็กเฉลี่ยวันละประมาณ 300 คน แต่ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมามีเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 พันคนต่อวัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยภาพรวมตัวเลขผู้เข้ารับการรักษาในช่วงครึ่งปีแรก แยกเป็นผู้ป่วยนอก (OPD) 301,428 คน และผู้ป่วยใน (IPD) 31,077 คน
ทั้งนี้ สัดส่วนผู้รับการรักษาทั้งหมดแบ่งเป็นคนไทย 85% ต่างชาติ 15% โดยประเทศที่มีการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือกลุ่มประเทศเออีซี โดยเฉพาะกัมพูชา อินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรป อันเป็นผลมาจากการจัดตั้งสำนักงานต่างประเทศของโรงพยาบาลฯ ในกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยคาดว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้จะมีสัดส่วนผู้เข้ารับการรักษาจากต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 40-50% โดยยังไม่มีแผนลงทุนขยายสาขาต่างประเทศแต่อย่างใด
ในปี 2559 โรงพยาบาลฯ กำหนดงบประมาณการตลาด 36 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศด้วยสัดส่วน 40% เน้นช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อหลักและสื่อดิจิตอล ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีสัดส่วน 60% เน้นการจัด Business Trip และ Medical Tourism ด้วยการนำคณะแพทย์ไปร่วมตรวจเยี่ยมคนไข้ในกลุ่มประเทศเป้าหมายซึ่งจะมีการศึกษา ค้นคว้าและวิจัยว่าแต่ละประเทศจะเน้นให้บริการด้านใด เช่น จีน เน้นผู้มีบุตรยาก ตรวจสุขภาพประจำปี ตลอดจนศัลยกรรมความงาม โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 มีแผนทำโครงการผ่าตัดผู้ป่วยในประเทศพม่า แต่ยังไม่สรุปว่าจะรักษาโรคใด
นายแพทย์ อนันตศักดิ์กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลพญาไท 2 มีขนาด 260 เตียง แบ่งเป็นผู้ป่วยเด็ก 90 เตียง ผู้ป่วยผู้ใหญ่ 150 เตียง แต่ละปีทำรายได้และมีผู้เข้ารับการรักษาสูงสุดในกลุ่มโรงพยาบาลพญาไท 9 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพญาไท 1, โรงพยาบาลพญาไท 2, โรงพยาบาลพญาไท 3, โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์, โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา, โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน, โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4, โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ และโรงพยาบาลเปาโล รังสิต โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทำรายได้เป็นสัดส่วน 20.6% จากรายได้รวม 8,486 ล้านบาท
