xs
xsm
sm
md
lg

ไทยถก FTA ปากีสถาน ยื่นขอให้เปิดตลาดสินค้าสำคัญเพียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไทยยื่นปากีสถานเปิดตลาดสินค้าสำคัญให้ไทย ทั้งอาหาร น้ำตาล เคมีภัณฑ์ ยาง สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ในการเจรจา FTA รอบที่ 4 เตรียมถกต่อครั้งที่ 5 ที่ไทย มั่นใจสรุปผลได้ภายในปีนี้

น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมการเจรจา FTA ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ 4 ณ กรุงอิสลามาบัด ปากีสถาน เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือรูปแบบการลดภาษี (Tariff Reduction Modality) และยื่นรายการสินค้าที่ต้องการให้มีการเปิดตลาดระหว่างกัน โดยไทยเสนอให้ปากีสถานเปิดตลาดสินค้าสำคัญ เช่น อาหารแปรรูป น้ำตาล เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี และพลาสติก ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ไม้อัด ไม้บาง และไม้แผ่น เยื่อและกระดาษ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น และยังสามารถตกลงกฎถิ่นกำเนิดสินค้าได้แล้วด้วย

ทั้งนี้ การประชุมถือว่าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เพราะการประชุมเจรจา 3 ครั้งก่อนหน้านี้สามารถตกลงกันได้ในประเด็นสำคัญได้แล้วหลายประเด็น เช่น มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรการที่เป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า การเยียวยาทางการค้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเร่งการเจรจาให้สามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้มีการประชุมเจรจา FTA ระหว่างกันเป็นประจำทุกเดือน โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม FTA ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค. 2559 ณ ประเทศไทย

น.ส.สุนันทากล่าวว่า การจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับปากีสถานจะทำให้ไทยสามารถขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกกลางได้มากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการลงทุนของทั้งสองประเทศ และนักลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งปากีสถานยังเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์และมีค่าเป็นจำนวนมาก จึงสามารถเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของไทยได้

ในปัจจุบัน นักลงทุนไทยได้แก่ บริษัท สยามซีเมนต์ บริษัท ไทยยูรีเทน เคมีคัลอินดัสเตรียล บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี. ปากีสถาน) ได้เข้าไปลงทุนในปากีสถานแล้ว

ปากีสถานเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพของไทย โดยเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยในปี 2558 ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ และอันดับที่ 42 ของไทยในตลาดโลก การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 1.76 การส่งออกมีมูลค่า 913 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.38 การนำเข้ามีมูลค่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 14.62

สำหรับการค้าระหว่างไทยกับปากีสถานในระยะ 5 ปี ที่ผ่านมา (2554-2558) มีมูลค่าเฉลี่ย 1.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการขยายตัวลดลงเฉลี่ย 44.96 ต่อปี และมีสัดส่วนการค้าเฉลี่ยร้อยละ 0.23 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาโดยตลอด

โดยสินค้าส่งออกของไทยที่มีศักยภาพ เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เส้นใยประดิษฐ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่อง เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าจากปากีสถาน เช่น สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ด้ายและเส้นใย ผ้าผืน ยุทธปัจจัย สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช และเครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น