ปัญจวัฒนาพลาสติก เบรกแผนตั้งโรงงานแถบ AEC เหตุยังมองเห็นศักยภาพการเติบโตในจีน และมีอีกหลายมณฑลที่มีโอกาสขยายการลงทุนได้ พร้อมตั้งงบลงทุนไว้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ขณะการเติบโตปีนี้ 8-10% ไม่พลาดเป้า
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่า บริษัทชะลอแผนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ไปก่อนช่วง 1-2 ปีนี้ เนื่องจากบริษัทยังมองเห็นศักยภาพการเติบโตในประเทศจีน ซึ่งปัจจุบัน บริษัทยังมีโรงงานในมณฑลเทียนจิน เพียงแห่งเดียว
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายการลงทุนในจีน ทั้งการลงทุนเอง ร่วมลงทุน และการเข้าซื้อกิจการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ก็ได้มีการเจรจาหลายดีล แต่ยังไม่สามารถบรรลุแผนได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ตั้งงบการลงทุนไว้เบื้องต้นที่ 400-500 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่มาจากทุนหมุนเวียน และกู้บางส่วน โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.3-1.4 เท่า ซึ่งยังอยู่ในข่ายของการควบคุมตัวเลขนี้ให้ไม่เกิน 2 เท่า
“ช่วงที่ผ่านมา เราได้เข้าไปศึกษาใน AEC มาแล้ว แต่พอเรามามองถึงทำเลที่ที่มีศักยภาพก็ยังเป็นในประเทศจีน เพราะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคก็ขยายตัวได้ค่อนข้างดี ซึ่งปัจจุบัน เรามีโรงงานอยู่ในมณฑลเดียว ยังมีอีกหลายๆ มณฑลที่จะสามารถขยายไปได้ ซึ่งเราหวังว่า ในปี 61-62 สัดส่วนรายได้จากจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7%” นายวิวรรธน์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทยังคงมั่นใจรายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 8-10% ซึ่งเป็นการเติบโตจากธุรกิจกลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น และนมเปรี้ยว รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 58 มาจนถึงปีนี้ ทั้งจากลูกค้าทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การเปลี่ยนแบบในตลาดบรรจุภัณฑ์ และงานนิวโมเดลของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่ 6.31% สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.61% เพราะสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี ประกอบกับ โรงพ่นสีเริ่มสร้างผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าโรงพ่นสีจะถึงจุดคุ้มทุนในปี 60 จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้นอีก
“ช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากแนวโน้มการบริโภคที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อเนื่องธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ได้รับผลดีจากการออกโมเดลใหม่ของค่ายยานยนต์ต่างๆ และช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะในไตรมาส 4” นายวิวรรธน์ กล่าว