ผู้จัดการรายวัน 360 - “ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ - SORKON” จัพทัพธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน มุ่งขยายสาขา ดัน “ร้านข้าวขาหมูยูนนาน” ในรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วน “ร้านแซ่บ คลาสสิก” เล็งเปิดสาขาต้นแบบเน้นให้บริการดีลิเวอรีมั่นใจปีนี้กลุ่มธุรกิจ เติบโต 40%
นายจรัสภล รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QSR บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON, ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับแนวทางดำเนินงานกลุ่มธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ภายใต้แบรนด์ ร้านข้าวขาหมูยูนนานและร้านแซ่บ คลาสสิก โดยร้านข้าวขาหมูยูนนานจะเน้นรูปแบบขยายสาขาผ่านการขายแฟรนไชส์ จากเดิมที่บริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง ขณะที่ร้านแซ่บ คลาสสิกจะเน้นให้บริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน หรือดีลิเวอรี โดยจะเปิดร้านต้นแบบภายใต้การให้บริการดังกล่าว ควบคู่ไปกับการขยายสาขาแฟรนส์ไชส์ในร้านรูปแบบเดิม เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีร้านข้าวขาหมูยูนนานทั้งในไทยและต่างประเทศ รวม 35 สาขา (ไทย 32 สาขา และต่างประเทศ 3 สาขา ได้แก่ สปป.ลาว 2 สาขา และกัมพูชาอีก 1 สาขา) โดยไตรมาส 4 ปี 2559 จะเปิดสาขาใหม่ใน สปป.ลาว อีก 1 สาขา และที่กัมพูชาอีก 2 สาขา ในรูปแบบแฟรนไชส์ รวมทั้งจะปรับร้านข้าวขาหมูยูนนานซึ่งเป็นสาขาเดิมในไทยให้เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ เพิ่มเมนูอาหารใหม่ๆ เช่น ติ่มซำ และเมนูเกี่ยวกับผักต่างๆ เป็นต้น
ส่วนร้านแซ่บ คลาสสิก ปัจจุบันมีสาขาในไทยรวม 8 สาขา จะขยายอีก 4 สาขาในปีนี้ แบ่งเป็นแฟรนไชส์และที่บริษัทฯ ลงทุนเองอย่างละ 2 สาขา โดยที่บริษัทลงทุนเองจะมี 1 สาขาที่เป็นโมเดลต้นแบบร้านที่รองรับบริการจัดส่งสินค้าอาหารถึงบ้านอย่างเต็มตัวภายในเดือนกันยายนนี้ย่านหลักสี่ รองรับโอกาสธุรกิจจากความต้องการแบบดีลิเวอรีที่ขยายตัวมาก
“การรุกขยายบริการแบบเดีลิเวอรีนั้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ นิยมสั่งอาหารจากนอกบ้านมารับประทานมากขึ้น โดยทำเลหลักสี่ถือเป็นหนึ่งในโซนที่มีคอนโดมิเนียม และอพาร์ตเมนต์อยู่มาก มั่นใจว่าการเปิดทดลองร้านแซ่บ คลาสสิก แบบดีลิเวอรีสาขาแรกจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและจะขยายสาขารูปแบบดังกล่าวต่อไป” นายจรัสภลกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกในอนาคต โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีบริการแบบดีลิเวอรีมีการเติบโตต่อเนื่องตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นยังมีไม่มากนัก ซึ่งบริษัทฯ มองว่าจากแผนธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยผลักดันยอดขายจากกลุ่มธุรกิจ QSR ในปีนี้เติบโต 40% หรือมียอดขายประมาณ 140 ล้านบาท