ผู้จัดการรายวัน 360 - ผู้นำด้านผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวน้ำหอมสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอม เดินหน้ารุกตลาดโลกหลังได้แบ็กอัพใหญ่ “เซ็ปเป้” เข้าถือหุ้น 40% หวังสร้างแบรนด์ “all coco” และจุดแข็งด้านการตลาด พร้อมรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 1 เท่าตัว เตรียมขยายพื้นที่โรงงานพร้อมเพิ่มสาขาร้านจำหน่ายปลีกจาก 14 สาขาเป็น 500 สาขาใน 5 ปี
นายเข็มทัศน์ มนัสรังษี ประธานกลุ่มบริษัท “เค-เฟรช” ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวน้ำหอมสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอม ภายใต้แบรนด์ “all coco” เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เข้าร่วมทุนกับบริษัทฯ ในสัดส่วน 40% เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่วมกันถึงรายละเอียดด้านงบประมาณในส่วนต่างๆ ทั้งการตลาด การลงทุน และอื่นๆ โดยเบื้องต้นมีแผนขยายพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นจากที่ลงทุนไปแล้ว 200 ล้านบาท บนพื้นที่ 8 ไร่ในเขต อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
ในปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 700 ล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2559 จะเพิ่มเป็น 900 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 98% คิดเป็นจำนวนประมาณ 30 ล้านลูกต่อปี แบ่งเป็นสหรัฐอเมริกา 40% จีน 40% ยุโรปและตะวันออกกลาง 20% รวมเป็นจำนวนกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ส่วนการจำหน่ายในประเทศมีประมาณ 2% ขณะที่ตลาดรวมน้ำมะพร้าวน้ำหอมในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านบาท โดยมีแผน 3 ปีเพิ่มรายได้เป็น 1 พันล้านบาท และปรับสัดส่วนการส่งออกเป็น 95% และจำหน่ายในประเทศ 5%
“เหตุผลที่บริษัทฯ ตัดสินใจร่วมทุนกับ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) เพราะมั่นใจในจุดแข็งด้านการสร้างแบรนด์และช่องทางการตลาดโลกของเซ็ปเป้ ขณะที่บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จึงเชื่อว่าการร่วมทุนกันครั้งนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์ all coco จะเป็นที่รู้จักและมีโอกาสขยายตลาดให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นในเวลารวดเร็ว” นายเขมทัศน์กล่าวในตอนท้าย
“เซ็ปเป้” พร้อมดัน “all coco” รุกตลาดโลก
ด้าน นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้เวลาศึกษารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการร่วมทุนกับ บริษัท เค-เฟรช จำกัด เป็นเวลากว่า 1 ปี เนื่องจากเห็นว่าน้ำมะพร้าวน้ำหอมไทยมีจุดเด่นด้านรสชาติและคุณภาพเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็นที่ต้องการสูงในตลาดโลก บริษัทฯ จึงใช้งบฯ ลงทุน 140 ล้านบาทเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด หลังจากนั้นจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 51% ภายในปี 2561 และเพิ่มเป็น 60% ภายในปี 2563 ตามลำดับ เพื่อรองรับแผนดำเนินงานที่ต้องการรุกขยายพอร์ตสินค้าและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงของทั้ง 2 บริษัท
ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบ คือ น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว “โมกุ โมกุ” ซึ่งประสบความสำเร็จในตลาดโลกโดยเฉพาะประเทศจีน ดังนั้นการร่วมทุนครั้งนี้จึงถือเป็นการเชื่อมโยงธุรกิจที่สอดคล้องกันและมีโอกาสสดใสมากในตลาดโลก
“เรามีศักยภาพด้านการทำตลาดและสร้างแบรนด์สินค้าในตลาดต่างประเทศผ่านเครือข่ายช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่งจากรายได้การส่งออก 74% และจำหน่ายในประเทศ 26% เมื่อมารวมกับจุดแข็งของ บริษัท เค-เฟรช จำกัด ซึ่งมีจุดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จึงมั่นใจว่าจะช่วยกันต่อยอดความสำเร็จผลักดันน้ำมะพร้าวของคนไทยสู่ตลาดโลกภายใต้แบรนด์ของคนไทย” นายอดิศักดิ์กล่าว
ขยายธุรกิจค้าปลีก 500 สาขาใน 5 ปี
น.ส.ฑิภรัตน์ มนัสรังษี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขายระหว่างประเทศ บริษัท ออลโคโค จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทฯ เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอมเมื่อประมาณปี 2554 จนถึงปี 2557 จึงได้สร้างแบรนด์ “all coco” พร้อมดำเนินธุรกิจค้าปลีกเพื่อกระจายสินค้า 2 ลักษณะ คือ Coco Café ขนาด 10-20 ที่นั่ง พื้นที่ 30-60 ตารางเมตร ใช้งบฯ ลงทุน 2 ล้านบาท และ Take Away ในลักษณะคีออสก์ ใช้งบฯ ลงทุน 1.5 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาทั้งสองลักษณะในห้างสรรพสินค้าชั้นนำรวม 14 สาขา เช่น เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล อีสวิลล์, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, สยามพารากอน, เอ็มควอเทียร์, เอ็มโพเรียม, เดอะมอลล์ บางแค, แพลทินัม ประตูน้ำ, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เป็นต้น โดยในปี 2559 มีแผนเพิ่มเป็น 16 สาขา คือ เซ็นทรัล บางนา และ BLU PORT หัวหิน ซึ่งถือเป็นสาขาต่างจังหวัดแห่งแรก โดยตั้งเป้าขยายสาขาออกสู่ต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว 3-4 สาขาภายใน 2 ปี ขณะที่มีแผน 5 ปีในการขยายธุรกิจค้าปลีกทั้ง 2 ลักษณะเป็น 500 สาขา
“แผนการขยายสาขาดังกล่าวจะเป็นทั้งในรูปแบบการลงทุนเองและเปิดแฟรนไชส์ โดยขณะนี้ได้เซ็นสัญญาแล้วกับคู่ค้าใน 4 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน จากนั้นมีแผนที่จะขยายไปยังสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ” น.ส.ฑิภรัตน์กล่าว
เดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตวันละ 1 แสนลูก
นางวราภรณ์ มนัสรังษี รองประธาน กลุ่มบริษัท “เค-เฟรช” กล่าวว่า บริษัทฯ มีสวนมะพร้าวน้ำหอมครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดบริเวณปากแม่น้ำท่าจีน คือ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ราชบุรี และนครปฐม ซึ่งถือเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวน้ำหอมที่ดีที่สุดของประเทศและของโลก เป็นพื้นที่ประมาณ 7 พันไร่ แบ่งเป็นสวนมะพร้าวที่บริษัทฯ ปลูกเองประมาณ 1.5 พันไร่ คอนแทรกต์ฟาร์มมิ่งโดยมีเกษตรกรเข้าร่วม 40 ราย ประมาณ 4 พันไร่ นอกจากนี้ยังดำเนินการผลิตในลักษณะสวนออร์แกนิกโดยไม่ใช้สารเคมีคิดเป็นจำนวนประมาณ 3 พันไร่ หรือประมาณ 25% ของการส่งออกทั้งหมด 30 ล้านลูกต่อปี โดยมีผลผลิตรวมประมาณวันละ 1 แสนลูก ต่ำกว่าเป้าหมายที่ต้องการคือวันละ 1.5 แสนลูก
ปัจจุบันโรงงานดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอมเป็นจำนวนกว่า 10 ชนิด รวม 300 เอสเคยู เช่น น้ำมะพร้าวน้ำหอม 100%, น้ำมะพร้าวเกล็ดหิมะ, ไอศกรีมผสมมะพร้าวน้ำหอมรสชาติต่างๆ, พุดดิ้ง, ซอฟต์ไอศกรีม, สโนว์บอล, น้ำมันมะพร้าว และอื่นๆ โดยใช้มะพร้าวน้ำหอมเป็นวัตถุดิบหลักวันละประมาณ 3 หมื่นลูก โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างเพิ่มการผลิตเป็นวันละประมาณ 1 แสนลูก ขณะที่มีกำลังการผลิตสูงสุดวันละประมาณ 2 แสนลูก
อนึ่ง กลุ่มบริษัท “เค-เฟรช” ประกอบด้วย 1. บริษัท เค เฟรช จำกัด ดูแลการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมสดทั้งลูก 2. บริษัท เค เบสต์ ฟาร์ม จำกัด ดูแลพื้นที่ปลูกมะพร้าว 3. บริษัท โคโคนัท แฟคทอรี จำกัด ดูแลกระบวนการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ และ 4. บริษัท ออลโคโค จำกัด ดูแลด้านการตลาด โดยบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมทุนในกลุ่มบริษัท เค-เฟรช 3 บริษัท คือ บริษัท เค เบสต์ ฟาร์ม จำกัด, บริษัท โคโคนัท แฟคทอรี จำกัด และบริษัท ออลโคโค จำกัด