“บางจากฯ” มองหาธุรกิจใหม่เสริมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ นับจากนี้ไป โดยเน้นพลังงานสีเขียว คาดได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ โดยคงเป้า EBITDA ปีนี้ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการหาธุรกิจใหม่ (New Engine) ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสร้างการเติบโตของบริษัทในอนาคต จากปัจจุบันที่มีธุรกิจ 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจการตลาด และธุรกิจไฟฟ้า คาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุปโดยเบื้องต้นจะเป็นธุรกิจพลังงานสีเขียว (Green Energy)
โดยก่อนหน้านี้ บางจากฯ เคยให้ความสำคัญในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนการโตของบริษัทอย่างดี โดยได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท นิโด ปิโตรเลียม จำกัด สัดส่วน 81.41% แต่เนื่องราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง และยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวสูงขึ้นเหมือนในอดีต ดังนั้นบริษัทจึงต้องมองหาธุรกิจใหม่แทน โดยยังคงการลงทุนธุรกิจ E&P อยู่ ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตปิโตรเลียมเฉลี่ยวันละ 5 พันบาร์เรล และยังมีกำไรจาการดำเนินอยู่แม้ว่าจะไม่สูงมากก็ตาม
นายชัยวัฒน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายEBITDA ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีหลังราคาน้ำมันและค่าการกลั่นจะเป็นตัวท้าทาย รวมทั้งรับรู้รายได้จากจากบริษัทย่อย คือ บางจากไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) ที่ได้เข้าซื้อโรงงานผลิตเอทานอลขนาด 1.5 แสนลิตร/วัน ที่จะเดินเครื่องผลิตในเดือนนี้ และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2 แสนลิตร/วันในปีหน้า
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2559 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 3.72 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) 4.08 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 242% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี และมีกำไรสุทธิ 2.41 พันล้านบาท ส่วนผลดำเนินงานงวด 6 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2.46 พันล้านบาท โดยไตรมาส 2 นี้ โรงกลั่นบางจากเดินเครื่องผลิตเต็มที่เฉลี่ย 1.12 แสนบาร์เรล/วัน มีค่าการกลั่น 6.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับ 40-41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังจากก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันดิบเคยขยับปรับตัวขึ้นไปถึง 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล