เครือข่ายความรับผิดชอบต่อสังคมอาเซียนของภาคเอกชน (ASEAN CSR Network) และมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เปิดเผยผลการศึกษาด้านความซื่อสัตย์ทางธุรกิจและด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียน พบบริษัทจดทะเบียนไทยติด TOP TEN ในระดับอาเซียนถึง 6 แห่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore : NUS) มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของเอเชีย ได้ร่วมกับเครือข่ายความรับผิดชอบต่อสังคมอาเซียนของภาคเอกชน (ASEAN CSR Network) จัดงานประชุม Corporate Governance & Responsibility: Theory Meets Practices ขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในอาเซียน (Corporate Disclosure on Business Integrity in ASEAN) และด้านความยั่งยืนในอาเซียน (Sustainability Reporting in ASEAN) ซึ่งเป็นการศึกษาร่วมกันของ 2 องค์กรซึ่งมีชื่อเสียงในระดับอาเซียน
ผลการศึกษาด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในอาเซียน เป็นการสำรวจ 50 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ขณะที่ผลการศึกษาด้านความยั่งยืนในอาเซียนเป็นการสำรวจ 100 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยเริ่มดำเนินการสำรวจเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ครอบคลุมข้อมูลที่เปิดเผยระหว่าง 1 มกราคม 2557 ถึง 31 ธันวาคม 2558 โดยใช้แนวทางการจัดทำรายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยการรายงานสากล (Global Reporting Initiative : GRI) G4 เป็นเกณฑ์
ทั้งนี้ ผลสรุปพบว่าบริษัทจดทะเบียนฯ ของไทยได้รับคะแนนรวมสูงสุด ทั้งในแง่ของจำนวนบริษัทที่ให้ความสำคัญต่อการจัดทำรายงาน และคุณภาพของรายงานตามมาตรฐาน GRI โดยรายงานด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในอาเซียน พบว่าบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยได้คะแนน 57% ตามด้วยสิงคโปร์ 47% ฟิลิปปินส์ 43% มาเลเซีย 40% และอินโดนีเซีย 39% ขณะที่รายงานด้านความยั่งยืนในอาเซียนได้ผลสรุปว่าบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน โดยได้คะแนน 56.8% ตามด้วยสิงคโปร์ 48.8% อินโดนีเซีย 48.4% และมาเลเซีย 47.7%
เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ผลการศึกษาในครั้งนี้มีบริษัทจดทะเบียนของไทยติดอันดับสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งด้านความซื่อสัตย์และด้านความยั่งยืน รวมถึงบริษัทในเครือทั้ง บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ได้คะแนนติด 12 อันดับแรกของบริษัทไทยที่ได้รับคะแนนสูงสุด และทรู คอร์ปอเรชั่น ติดท็อปเท็นบริษัทในอาเซียนที่ได้คะแนนสูงสุด
โดยในส่วนของประเทศไทย พบว่าบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีคะแนนสูงสูด 12 อันดับแรกในด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ ได้แก่ 1. บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร 2. บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น 3. บมจ.บางจากปิโตรเลียม 4. บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง 5. บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6. บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง 7. บมจ.ผลิตไฟฟ้า 8. บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิกส์ (ประเทศไทย) 9. บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 10. บมจ.ปตท. 11. บมจ.ไทยออยล์ 12. บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา
นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีบริษัทจดทะเบียนจากประเทศไทยติดอันดับ TopTen มีคะแนนสูงสุดอยู่ใน 10 อันดับแรกในด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียนมากถึง 6 แห่ง ได้แก่ 1. บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น 2. บมจ.บางจากปิโตรเลียม 3. บมจ.ผลิตไฟฟ้า 4. บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง 5. บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6. บมจ.ไทยออยล์
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ในฐานะผู้รายงานการวิจัยได้กล่าวชื่นชมว่าบริษัทจดทะเบียนฯ ของไทยมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างมีคุณภาพ มีวัฒนธรรมทางธุรกิจที่เข้มแข็งในด้านการตรวจสอบและกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนการทำงานที่ใกล้ชิดกับชุมชน
อนึ่ง มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสิงคโปร์ ปัจจุบันเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในเอเชียจากการศึกษาของ QS World University Rankings โดยอยู่ในลำดับที่ 12 ของโลก และลำดับ 1 ในทวีปเอเชีย ทั้งยังมีเครือข่ายความรับผิดชอบต่อสังคมอาเซียนภาคเอกชน (ASEAN CSR Network) โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นและข้อห่วงใยระดับภูมิภาค รวมทั้งสนับสนุนและเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคธุรกิจในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่เป็นบรรทัดฐานสากล
เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore : NUS) มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของเอเชีย ได้ร่วมกับเครือข่ายความรับผิดชอบต่อสังคมอาเซียนของภาคเอกชน (ASEAN CSR Network) จัดงานประชุม Corporate Governance & Responsibility: Theory Meets Practices ขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในอาเซียน (Corporate Disclosure on Business Integrity in ASEAN) และด้านความยั่งยืนในอาเซียน (Sustainability Reporting in ASEAN) ซึ่งเป็นการศึกษาร่วมกันของ 2 องค์กรซึ่งมีชื่อเสียงในระดับอาเซียน
ผลการศึกษาด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในอาเซียน เป็นการสำรวจ 50 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ขณะที่ผลการศึกษาด้านความยั่งยืนในอาเซียนเป็นการสำรวจ 100 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยเริ่มดำเนินการสำรวจเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ครอบคลุมข้อมูลที่เปิดเผยระหว่าง 1 มกราคม 2557 ถึง 31 ธันวาคม 2558 โดยใช้แนวทางการจัดทำรายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยการรายงานสากล (Global Reporting Initiative : GRI) G4 เป็นเกณฑ์
ทั้งนี้ ผลสรุปพบว่าบริษัทจดทะเบียนฯ ของไทยได้รับคะแนนรวมสูงสุด ทั้งในแง่ของจำนวนบริษัทที่ให้ความสำคัญต่อการจัดทำรายงาน และคุณภาพของรายงานตามมาตรฐาน GRI โดยรายงานด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในอาเซียน พบว่าบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยได้คะแนน 57% ตามด้วยสิงคโปร์ 47% ฟิลิปปินส์ 43% มาเลเซีย 40% และอินโดนีเซีย 39% ขณะที่รายงานด้านความยั่งยืนในอาเซียนได้ผลสรุปว่าบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน โดยได้คะแนน 56.8% ตามด้วยสิงคโปร์ 48.8% อินโดนีเซีย 48.4% และมาเลเซีย 47.7%
เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ผลการศึกษาในครั้งนี้มีบริษัทจดทะเบียนของไทยติดอันดับสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งด้านความซื่อสัตย์และด้านความยั่งยืน รวมถึงบริษัทในเครือทั้ง บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ได้คะแนนติด 12 อันดับแรกของบริษัทไทยที่ได้รับคะแนนสูงสุด และทรู คอร์ปอเรชั่น ติดท็อปเท็นบริษัทในอาเซียนที่ได้คะแนนสูงสุด
โดยในส่วนของประเทศไทย พบว่าบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีคะแนนสูงสูด 12 อันดับแรกในด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ ได้แก่ 1. บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร 2. บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น 3. บมจ.บางจากปิโตรเลียม 4. บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง 5. บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6. บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง 7. บมจ.ผลิตไฟฟ้า 8. บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิกส์ (ประเทศไทย) 9. บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 10. บมจ.ปตท. 11. บมจ.ไทยออยล์ 12. บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา
นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีบริษัทจดทะเบียนจากประเทศไทยติดอันดับ TopTen มีคะแนนสูงสุดอยู่ใน 10 อันดับแรกในด้านการเปิดเผยข้อมูลองค์กรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ทางธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียนมากถึง 6 แห่ง ได้แก่ 1. บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น 2. บมจ.บางจากปิโตรเลียม 3. บมจ.ผลิตไฟฟ้า 4. บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง 5. บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 6. บมจ.ไทยออยล์
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ในฐานะผู้รายงานการวิจัยได้กล่าวชื่นชมว่าบริษัทจดทะเบียนฯ ของไทยมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างมีคุณภาพ มีวัฒนธรรมทางธุรกิจที่เข้มแข็งในด้านการตรวจสอบและกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนการทำงานที่ใกล้ชิดกับชุมชน
อนึ่ง มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสิงคโปร์ ปัจจุบันเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในเอเชียจากการศึกษาของ QS World University Rankings โดยอยู่ในลำดับที่ 12 ของโลก และลำดับ 1 ในทวีปเอเชีย ทั้งยังมีเครือข่ายความรับผิดชอบต่อสังคมอาเซียนภาคเอกชน (ASEAN CSR Network) โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นและข้อห่วงใยระดับภูมิภาค รวมทั้งสนับสนุนและเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคธุรกิจในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่เป็นบรรทัดฐานสากล