xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจบิวตี้โตต่อเนื่อง 30% THE MODEL ปรับแผนเจาะกลุ่มไฮเอนด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางสาววรรัตน์ หวังพึ่งกัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันการดูแลความงามครบวงจร THE MODEL Pride of Beauty
ผู้จัดการรายวัน 360 - ธุรกิจสถาบันบริการความงามและสุขภาพทางด้านการแพทย์ในไทยโตต่อเนื่อง 20-30% เผยการแข่งขันสูงแต่ยังไม่มีผู้ผูกขาด เน้นสู้ด้านโปรโมชันมากกว่าราคา สถาบันการดูแลความงามครบวงจร THE MODEL Pride of Beauty ปรับแผนธุรกิจใหม่หลังได้รับการตอบรับดี โอ่เปิดตัว 8 เดือนรายได้พุ่งจากเดือนละ 4-6 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท คาดแตะหลัก 100 ล้านบาทในสิ้นปี พร้อมขยาย 3 สาขา

นางสาววรรัตน์ หวังพึ่งกัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันการดูแลความงามครบวงจร THE MODEL Pride of Beauty เปิดเผยว่า จากการศึกษาตลาดสถาบันบริการความงามและสุขภาพทางด้านการแพทย์ (Beauty&Healthy) ในประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 20-30% จากก่อนหน้านี้ที่เคยเติบโตถึง 50% คิดเป็นมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนของสถาบันความงามคาดว่ามีมูลค่าประมาณ 3-5 พันล้านบาท

สถาบันฯ จึงเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อช่วงปลายปี 2558 โดยเน้นความแตกต่างด้านจุดขายด้วยการใช้ศาสตร์ธรรมชาติแห่งความงาม ปลอดสารเคมี ผสานนวัตกรรมมาตรฐานจากสหรัฐอเมริการะดับพรีเมียมออร์แกนิกสู่ชั้นผิวภายในอย่างแท้จริงแห่งแรกในประเทศไทย โดยมีบริการครบวงจรทั้งด้านทรีตเมนต์ใบหน้า ผิวหนัง การปรับสภาพรูปร่าง ตลอดจนการสร้างเสริมบุคลิกภาพภายนอก

ปัจจุบันสถาบันฯ มีฐานลูกค้าสมาชิก 1.5 พันราย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 30 ปีขึ้นไปที่มีครอบครัวแล้วและมีกำลังซื้อสูง โดยกว่า 70% เป็นสมาชิกที่เคยใช้บริการจากสถาบันอื่นมาก่อน ส่วนอีก 30% เป็นสมาชิกใหม่ โดยมีมากถึง 50% ที่ยังคงใช้บริการต่อเนื่อง ขณะที่อีก 50% ยังคงมีการใช้บริการควบคู่กับสถาบันอื่นๆ โดยแต่ละเดือนสมาชิกมีการซื้อซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง คิดเป็นสัดส่วน 7% และยังมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2559 จะมีลูกค้าสมาชิกอย่างน้อย 2 พันราย

จากการดำเนินงานในช่วงเริ่มต้น สถาบันฯ มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 4-6 ล้านบาท แต่เพียงช่วงระยะ 8 เดือนปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าสมาชิกส่งผลให้ปัจจุบันมีรายได้รวมถึง 50 ล้านบาท โดยคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2559 จะไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท สถาบันฯ จึงต้องปรับแผนธุรกิจจากเดิมที่คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ปีละ 1 แห่ง หรือมี 5 สาขาภายใน 5 ปี เป็นอย่างน้อย 10 สาขา หลังจากที่ปัจจุบันเปิดแล้ว 2 สาขา คือ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ บางแค โดยภายในสิ้นปี 2559 จะเปิดสาขาที่ 3 คือเดอะมอลล์ นครราชสีมา

“การเปิดสาขาใหม่จะเน้นพื้นที่ตามสาขาของพันธมิตรธุรกิจคือเดอะมอลล์ ซึ่งสถาบันฯ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าของห้างฯ มาเป็นลูกค้าสมาชิกใหม่เฉลี่ยเดือนละประมาณ 100 ราย คิดเป็น 10% ของสมาชิกใหม่ทั้งหมด 7% นอกจากนั้นยังจะเน้นพื้นที่ในลักษณะสแตนด์อะโลน โดยคาดว่าในปี 2560 จะเริ่มเปิดในย่านใจกลางเมืองและกระจายครบทั้งสี่มุมเมืองของกรุงเทพฯ”

นางสาววรรัตน์กล่าวด้วยว่า สถาบันฯ เน้นกลุ้มเป้าหมายผู้มีกำลังซื้อสูงระดับวีไอพีเป็นหลัก ด้วยอัตราค่าสมาชิกขั้นต่ำคอร์สระยะสั้นจนถึงการดูแลครบวงจรในระยะเวลา 18 เดือน ตั้งแต่ 2-3 หมื่นบาท จนถึง 1 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นการลงทุนแต่ละสาขาจึงเน้นความหรูหราและโอ่อ่า บนพื้นที่ 300-350 ตร.ม. ด้วยงบประมาณสาขาละ 10-12 ล้านบาท คาดว่าใช้เวลา 3 ปีในการคืนทุน

“สถาบันฯ มีสมาชิกกลุ่มไฮเอนด์ระดับวีไอพีประมาณ 10% คิดเป็นสัดส่วนผู้ใช้บริการต่อเนื่องและใช้บริการควบคู่กับสถาบันอื่นในสัดส่วนเท่ากันคือ 50:50 โดยคาดว่าภายใน 5 ปีจะมีฐานลูกค้าสมาชิกกลุ่มนี้เป็นจำนวน 1 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมด หรือประมาณ 25% โดยอนาคตอันใกล้อาจมีการจัดบริการเสริมด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น การจัดรถรับ-ส่งลูกค้าสมาชิกจากบ้านมายังแต่ละสาขา หรือการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวพักผ่อนในรูปแบบต่างๆ เช่น จิบน้ำชา หรือชมภาพยนตร์ร่วมกัน เป็นต้น”

ปัจจุบันสถาบันฯ ใช้งบประมาณการตลาดเดือนละประมาณ 10-20% ของรายได้ เน้นช่องทางออนไลน์ สิ่งพิมพ์ กิจกรรม ณ จุดขาย และโทรทัศน์ ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงปลายปี พร้อมเพิ่มการใช้สื่อนอกบ้าน (Out of Home) ให้ครบวงจรเพื่อสร้างการรับรู้แก่ลูกค้าสมาชิกใหม่ๆ และประชาชนทั่วไป

“ตลาดสถาบันการดูแลความงามในประเทศไทยมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ถือเป็นตลาดเสรีที่ผู้ประกอบการมีส่วนแบ่งการตลาดไม่ห่างกันมากนัก โดยเฉลี่ย 10-20% ขณะที่ THE MODEL มีส่วนแบ่งประมาณ 3-5% แต่มีการเติบโตเฉลี่ย 7% โดยการแข่งขันส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการจัดโปรโมชันเพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าและสมาชิก ขณะที่ราคาค่าบริการอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน”

นางสาววรรัตน์กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า ตามแผนธุรกิจ 5 ปีจะขยายธุรกิจสู่ธุรกิจสุขภาพทางด้านการแพทย์ (Healty) หลังจากพบว่าปัจจุบันมีชาวต่างชาติมาใช้บริการในประเทศไทยสูงถึง 98% ขณะที่มีคนไทยใช้บริการเพียง 2% โดยยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังประเทศที่มีกำลังซื้อสูงด้วย เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น



กำลังโหลดความคิดเห็น