ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไซโก” ขยายตลาดกลุ่ม Gen-Y เพิ่มจากกลุ่มเดิมที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป อัดงบฯ การตลาด 10% จากยอดขายโปรโมตเต็มที่หวังฟื้นยอดขายโตขึ้น 10% พร้อมดึง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” เป็นพรีเซ็นเตอร์ไทยคนแรก ขณะที่ใช้ “วัง ลี ฮอม” เป็นพรีเซ็นเตอร์ทำตลาดจีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น
นายฮารุมิตซึ อากาชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ไซโก” วางแผนที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่มากขึ้นเพื่อขยายตลาดใหม่ๆ ให้กว้างขึ้น จากเดิมที่เน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไปซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีแบรนด์ลอยัลตีเข้มแข็งกับแบรนด์ “ไซโก” โดยที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของ “ไซโก” ก็ค่อนข้างเก่าแก่หลังจากที่ทำตลาดในประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี
บริษัทฯ จะขยายตลาดไปยังกลุ่ม Gen-Y หรือวัยทำงานตอนต้นถึงผู้บริหารระดับกลางอายุ 30 ปีที่มีไลฟ์สไตล์เป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในความคิด โดยจะมีทั้งการปรับแผนการทำตลาด การออกสื่อ การออกสินค้านาฬิการุ่นใหม่ๆ ด้วยการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้นที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอายุ 30 ปีซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอำนาจในการซื้อและตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทันทีเมื่อชอบและต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Gen-Y ถือว่ามีสัดส่วนมากถึง 30% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในไทยที่มีมากกว่า 60-70 ล้านคน
ปีนี้บริษัทฯ วางแผนใช้งบการตลาดรวม 10% จากยอดขายและทำการตลาดเชิงรุกเช่นเดียวกับปีที่แล้วที่มีการใช้สื่ออย่างมาก ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส ป้ายทางด่วน การจัดกิจกรรมทางการตลาดมากมาย รวมทั้งการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่งมาราธอน โดยใช้นาฬิกา “ไซโก” เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ตลอดจนเป็นสปอนเซอร์รายการกีฬาระดับนานาชาติทั่วโลก นอกจากนี้ยังเปลี่ยนจากการใช้สื่อเอาต์ออฟโฮมมีเดียมาเป็นสื่อออนไลน์มากขึ้นด้วย
ในปี 2559 ยังมีการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ที่ใช้คนไทยเป็นครั้งแรกด้วยจากเดิมที่ผ่านมาเป็นคนต่างประเทศ โดยครั้งนี้เลือก “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์นาฬิกาและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะที่ในต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น ใช้ศิลปินชื่อดัง “วัง ลี ฮอม” เป็นพรีเซ็นเตอร์
บริษัทฯ คาดว่ายอดขายรวมนาฬิกา “ไซโก” ในไทยจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่เติบโตไม่ถึง 10% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจของไทยเติบโตแค่ 3% เท่านั้นเอง โดยระดับราคาที่ขายดีคือเฉลี่ย 8,000-12,000 บาทต่อเรือน ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “ไซโก พรอสเป็กซ์ จิมเบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น รหัส SRPA19K1” นาฬิกาดำน้ำรุ่นพิเศษ ผลิตเฉพาะตลาดประเทศไทย จำนวน 1,299 เรือนเท่านั้น โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญอันดับ 3 ของ “ไซโก” ในเอเชียรองจากจีน และญี่ปุ่น
นายฮารุมิตซึ อากาชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ไซโก” วางแผนที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่มากขึ้นเพื่อขยายตลาดใหม่ๆ ให้กว้างขึ้น จากเดิมที่เน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไปซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีแบรนด์ลอยัลตีเข้มแข็งกับแบรนด์ “ไซโก” โดยที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของ “ไซโก” ก็ค่อนข้างเก่าแก่หลังจากที่ทำตลาดในประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี
บริษัทฯ จะขยายตลาดไปยังกลุ่ม Gen-Y หรือวัยทำงานตอนต้นถึงผู้บริหารระดับกลางอายุ 30 ปีที่มีไลฟ์สไตล์เป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในความคิด โดยจะมีทั้งการปรับแผนการทำตลาด การออกสื่อ การออกสินค้านาฬิการุ่นใหม่ๆ ด้วยการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้นที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอายุ 30 ปีซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอำนาจในการซื้อและตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทันทีเมื่อชอบและต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Gen-Y ถือว่ามีสัดส่วนมากถึง 30% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในไทยที่มีมากกว่า 60-70 ล้านคน
ปีนี้บริษัทฯ วางแผนใช้งบการตลาดรวม 10% จากยอดขายและทำการตลาดเชิงรุกเช่นเดียวกับปีที่แล้วที่มีการใช้สื่ออย่างมาก ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส ป้ายทางด่วน การจัดกิจกรรมทางการตลาดมากมาย รวมทั้งการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่งมาราธอน โดยใช้นาฬิกา “ไซโก” เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ตลอดจนเป็นสปอนเซอร์รายการกีฬาระดับนานาชาติทั่วโลก นอกจากนี้ยังเปลี่ยนจากการใช้สื่อเอาต์ออฟโฮมมีเดียมาเป็นสื่อออนไลน์มากขึ้นด้วย
ในปี 2559 ยังมีการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ที่ใช้คนไทยเป็นครั้งแรกด้วยจากเดิมที่ผ่านมาเป็นคนต่างประเทศ โดยครั้งนี้เลือก “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์นาฬิกาและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะที่ในต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น ใช้ศิลปินชื่อดัง “วัง ลี ฮอม” เป็นพรีเซ็นเตอร์
บริษัทฯ คาดว่ายอดขายรวมนาฬิกา “ไซโก” ในไทยจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่เติบโตไม่ถึง 10% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจของไทยเติบโตแค่ 3% เท่านั้นเอง โดยระดับราคาที่ขายดีคือเฉลี่ย 8,000-12,000 บาทต่อเรือน ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “ไซโก พรอสเป็กซ์ จิมเบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น รหัส SRPA19K1” นาฬิกาดำน้ำรุ่นพิเศษ ผลิตเฉพาะตลาดประเทศไทย จำนวน 1,299 เรือนเท่านั้น โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญอันดับ 3 ของ “ไซโก” ในเอเชียรองจากจีน และญี่ปุ่น