“ทีพีบีไอ” ทุ่มงบ 5 ปี ลงทุน 2-2.5 พันล้านบาท ใช้ขยายโรงงานผลิต Flexible Packaging เฟส 2 - ผลิตถุงหูหิ้วถุงขยะเพิ่ม-ซื้อกิจการโรงงานบรรจุภัณฑ์
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) (TPBI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุน 5 ปีนี้ (2559-2563) อยู่ที่ 2,000-2,500 ล้านบาทในการลงทุนตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภค (Flexible Packaging) เฟส 2 ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท และขยายกำลังการผลิตโรงงานผลิตถุงพลาสติกหูหิ้วและถุงขยะ ใช้เงินลงทุนปีละ 100-150 ล้านบาท และแผนซื้อกิจการ (M&A) โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ทั้งในและอาเซียน ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท
โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินที่ขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 พันล้านบาท เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
จากการขยายการลงทุนดังกล่าว บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้มากกว่า 5 พันล้านบาท สูงขึ้นกว่าปี 2558 ที่มียอดขายรวม 4.8 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 8% โดยรายได้ส่วนใหญ่ 70% มาจากการส่งออก ที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ
“ตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกพื้นฐานพวกถุงหูหิ้วและถุงขยะโตขึ้นตามการเติบโตประชากรไม่สูงมาก 3-5% ต่อปี ส่วนบรรจุภัณฑ์ Flexible Packaging โตตามตลาดอาหารพร้อมทานและอาหารแช่เข็ง อัตราการโตที่ดีมากกว่า 15% ซึ่งพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมกับบริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิต Flexible Packaging เฟส 2 เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปัจจุบัน 100 ล้านเมตร/ปี ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ขณะนี้รอดูว่าผังเมืองใหม่จะอนุมัติให้สร้างโรงงานได้หรือไม่”
นายสมศักดิ์กล่าวถึงความคืบหน้าการซื้อกิจการโรงงานบรรจภัณฑ์ทั้งในและอาเซียนว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาโดยเน้นโรงงานที่ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีซ้ำซ้อนกับบริษัทเอง รวมทั้งมีมาร์จินที่สูง คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้
ส่วนโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลเพื่อมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดถุงหูหิ้วและถุงขยะนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินเครื่องจักร กำลังการผลิต 600 ตัน/เดือนในเฟสแรก และอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 พันตัน/เดือนในเฟส 2 โดยใช้เงินลงทุนใกล้เคียงเฟสแรกที่ 72 ล้านบาท โดยยอมรับว่าวัตุถดิบที่ใช้ในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลนั้นนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากไทยยังไม่มีการคัดแยกขยะ จึงอยากให้รัฐมีมาตรการให้ภาคครัวเรือนมีการแยกขยะรีไซเคิลอย่างจริงจัง
