ผู้จัดการรายวัน 360 - นักธุรกิจไทยประเมินกรณี “สหราชอาณาจักรออกจากอียู” ไม่มีผลกระทบอะไรกับเศรษฐกิจไทยมากมายนัก เพราะทำการค้าด้วยกันไม่มาก แต่อาจมีผลด้านจิตวิทยาเท่านั้น อีกทั้งกว่าจะมีผลอออกจากอียูเป็นทางการต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปี
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวให้ความเห็นถึงกรณีการที่สหราชอาณาจักรมีประชามติออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ว่า คิดว่าเรื่องดังกล่าวนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมากนัก เพราะประเทศไทยไม่ได้ทำการค้าขายกับอังกฤษและประเทศในสหราชอาณาจักรมากมายนัก
ส่วนการออกจากอียูของอังกฤษไม่ได้ส่งผลกระทบให้ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงจนน่าตกใจ เพราะถ้าค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงก็กลายเป็นผลดีต่อสินค้าที่นำเข้าจากอังกฤษเพราจะทำให้ราคาถูกลง อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของตลาดหุ้นแล้วอาจส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนที่บ้าง แค่รู้ผลว่าอังกฤษออกจากอียูแล้วตลาดหุ้นก็ตกลงทันที แต่ก็น่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น
“เรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีถึงจะมีผลอย่างเป็นทางการ จึงไม่มีอะไรต้องตกใจ แต่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกผันผวนในระยะสั้น แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกคงไม่ผันผวน หรือตกต่ำไปมากกว่านี้อีก สิ่งที่น่าเป็นห่วงคืออาจจะมีประเทศอื่นๆ ทยอยออกจากอียูตามหลังสหราชอาณาจักรอีกก็เป็นได้ซึ่งโอกาสก็มีด้วยเพราะหลายประเทศมีความอึดอัดที่ต้องอยู่ในอียู และการยึดอยู่กับค่าเงินยูโรทั้งหมดเป็นเรื่องที่ลำบากซึ่งต้องยอมรับว่าทีผ่านมาการรวมตัวในอียูมีทั้งข้อดีและข้อเสีย”
นายกีรติ เสริมประภาศิลป์ ประธานบริหาร บริษัท เอส. พี. เอส. กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์น็อกดาวน์จากไม้ยางพารารายใหญ่ของไทย กล่าวให้ความเห็นกรณีที่สหราชอาณาจักรออกจากสมาชิกกลุ่มอียูว่า ในภาพรวมแล้วคงจะไม่มีผลกระทบอะไรมากสำหรับประเทศไทย เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ประกอบการไทยในปัจจุบันหันไปเน้นทำตลาดที่ประเทศจีนและประเทศในแถบอาเซียนมากขึ้นอยู่แล้ว แต่อาจจะมีผลเล็กน้อยทางด้านจิตวิทยาระยะสั้นเท่านั้น รวมทั้งอาจจะมีผลกระทบกับความผันผวนของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯบ้าง
“ผมมองว่าในระยะสั้นนี้อาจมีผลกระทบกับพวกเรื่องค่าเงิน ตลาดหุ้น และการลงทุน แต่หากในระยะยาวแล้วมองว่ากลับจะเป็นผลดีมากกว่า เพราะที่ผ่านมาหลายประเทศในทวีปยุโรปมีปัญหามากมาย แต่ทั้งนี้ในข้อเท็จจริงประชามติของสหราชอาณาจักรครั้งนี้กว่าจะเข้าสู่กระบวนการและมีผลทางกฎหมายก็คงต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปีเป็นอย่างน้อย” นายกีรติกล่าว
อังกฤษ หรือสหราชอาณาจักรจะยังคงเป็นสมาชิกของกลุ่มอียูต่อไปหรือไม่นั้น จริงๆ แล้วก็คงไม่มีผลทางการค้าขายกับผู้ประกอบการธุรกิจชาวไทยมากนัก รวมทั้งธุรกิจคนไทยที่ไปลงทุนในอังกฤษด้วยคงไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับธุรกิจของบริษัทฯ ตลาดอังกฤษของบริษัทถือว่าน้อยมากเพราะมีสัดส่วนส่งออกไปเพียง 5% เท่านั้นจึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมายนัก
นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุง ตรา “ไก่แจ้” กล่าวว่า ตลาดอังกฤษยุโรปเป็นตลาดเล็กของบริษัทที่ส่งออกไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทขนมพร้อมรับประทานแบรนด์ “แม่นภา” โดยปัจจุบันสัดส่วนส่งออกมีประมาณ 40% ส่วน 60% ยังเป็นตลาดเมืองไทยเป็นหลักจึงไม่มีผลกระทบ แต่อาจมีผลต่อการตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าระยะหนึ่ง เพราะค่าเงินทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น แต่ช่วงนี้คงต้องจับตาดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร